วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เปิดรับสมัครโครงการต้นกล้า รุ่น 7


เพื่อน ๆ ที่สนใจเกี่ยวกับโครงการต้นกล้าอาชีพ ตอนนี้ได้เปิดรับสมัครต้นกล้ารุ่น 7 แล้วโดยเปิดรับสมัครในช่วง 1-16 กันยายน 2552 สามารถลงทะเบียนได้ทางอินเตอรเน็ต ที่เวปไซต์ต้นกล้าอาชีพ ตามนี้เลย http://www.tonkla-archeep.com หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด ทั่วประเทศในวันที่ 10-16 กันยายน 2552 และประกาศผลทาง e-mail, sms, ดูได้จากทางเวปไซต์ เริ่มฝึกอบรม 1 ตุลาคม 2552 ใช้เวลาฝึกอบรมประมาณ 20 วัน ใครสนใจอย่าพลาดงานนี้นะคะ


วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

pizza cafe


บางครั้งการทำ ธุรกิจ ก็ไม่ได้เริ่มจากความชอบเป็นหลักแต่ความไม่ชอบนั้น ก็เป็นแรงผลักดันให้อยากพัฒนาสิ่งที่ไม่ชอบให้ตรงกับความต้องการของตนเอง อย่าง “นก ศิขรินธาร” ดารา นักแสดงและดีเจ ที่ไม่นิยมรับประทานพิซซ่า จากความเชื่อที่ว่าทานแล้วอ้วนจากเนื้อแป้งที่มีความหนาเป็นพิเศษ แต่เมื่อได้ลิ้มลองพิซซ่าเนื้อแป้งบางมาก ก็ติดใจ และคิดที่จะพัฒนาสูตรดังกล่าว เพื่อต่อยอดเป็นธุรกิจ
ศิขรินธาร พลายเถื่อน (นก) เจ้าของร้าน Pizza Café by Sikrintarn เล่า ว่า เดิมตนเองเป็นคนไม่ค่อยชอบรับประทานพิซซ่า เพราะกลัวอ้วน จากส่วนผสมของเนื้อแป้งที่มีความหนาเป็นพิเศษ แต่เมื่อได้มีโอกาสไปทานพิซซ่าแป้งบาง ก็รู้สึกชอบ และอยากเรียนรู้สูตรนี้ เนื่องจากในช่วงนั้นพิซซ่าแป้งบางมีน้อยมาก หารับประทานยาก จึงคิดที่จะเปิดร้านพิซซ่าแป้งบางขึ้น
เมื่อนกได้ลองทานพิซซ่าแป้งบาง ทำให้เราเปลี่ยนทัศนะคติการทานพิซซ่าไปเลย เพราะแป้งเนื้อบางก็อร่อยเช่นกัน และไม่ทำให้อ้วน จึงตัดสินใจเรียนสูตรแป้งดังกล่าวมา 1 วัน และเรียนทำซอส ส่วนอื่นๆ ก็อาศัยความชอบส่วนตัวที่มักจะเข้าครัวทำอาหารรับประทานเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะอาหารอิตาเลี่ยน”


แม้ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ นก ศิขรินธาร ตั้งใจที่เปิดเป็นร้านพิซซ่าเล็กๆ เท่านั้น ด้วยการปรับเปลี่ยนรสชาติและเนื้อแป้งให้บาง รวมถึงซอสก็ปรับปรุงให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น ทำให้สไตล์ อาหารของทางร้านเป็นอาหารอิตาเลียนแบบไทยๆ จนก่อเกิดคำจำกัดความที่เธอตั้งขึ้นเองว่า “ไทยเทเลี่ยน” ซึ่งรสชาติจะไม่เป็นแบบอิตาเลียน 100% แต่จะมีรสชาติไทยๆ แทรกเข้ามาด้วยเพื่อไม่เลี่ยน
ด้วยความที่ นก ศิขรินธาร เป็นดีเจ ที่นำเสนอข้อมูลด้านอาหารสุขภาพ จึงได้นำความรู้ที่ตนเองสั่งสมมายาวนาน นำมาปรับใช้กับเมนูอาหารที่ ถึงแม้จะเป็นอาหารยุโรป แต่ก็ใส่ใจในเรื่องสุขภาพเป็นหลัก รวมถึงวัตถุดิบต่างๆ ก็คัดสรรมาเป็นอย่างดี
ในขณะที่ทำเลที่ตั้ง นก ศิขรินธาร เลือกบริเวณสนามกอล์ฟ ย่านเหม่งจ๋าย เนื่องจากเดิมตนเองชอบมาเล่นกอล์ฟ ที่สนามกอล์ฟ All star อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ของคนที่นี่ รวมถึงบ้านพักอาศัยก็อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้มากนัก ในขณะที่ย่านดังกล่าวก็เป็นแหล่งของสตูดิโอ ถ่ายทำรายการต่างๆ มากมาย ดังนั้น จึงถือว่าทำเลในสนามกอล์ฟเป็นทำเลที่เหมาะสมในการดำเนินธุรกิจร้านพิซซ่า


“ตอนที่นกคิดที่จะเปิดร้านพิซซ่า อย่างจริงจัง นกจึงตั้งใจที่จะสื่อรูปแบบร้าน และเมนูอาหารให้สื่อถึงความเป็นตัวตนของนกให้มากที่สุด โดยเฉพาะการ ตกแต่งร้าน ที่ได้พี่ดุ๊ก ภานุเดช เข้ามาทำให้ทั้งหมด โดยสีที่ใช้จะเน้นไปที่สี Shocking Pink เพราะเป็นสีที่นกชอบ และใช้สีดำมาเบรก เพื่อให้รู้สึกอบอุ่น และสุขุม ในขณะที่วอลล์เปเปอร์ ใช้เป็นลายของดอกกุหลาบ ตามที่ตนเองชื่นชอบเช่นกัน ซึ่งตรงกับความตั้งใจของนกที่ไม่ต้องการแต่งร้านให้ออกมาในแนวของอิตาเลียน เกินไป เพราะที่ร้านขายไวน์ ด้วย จึงอยากลูกค้าที่เข้ามานั่งรับประทานอาหารแล้วรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่ที่ บ้าน”
สำหรับเมนูอาหารอิตาเลียนอื่นๆ ที่นอกจากพิซซ่าแล้ว นก ศิขรินธาร ยังพยายามสรรหาเมนูระดับพรีเมี่ยมมาเสิร์ฟลูกค้าด้วย เช่น พาสต้า ซุปกุ้ง ซี่โครงแกะนิวซีแลนด์ เฟตตูชินี่ ซีฟู๊ด สเต็กปลาดอรี่ และหอยนิวซีแลนด์อบไวท์ไวน์ เป็นต้น โดยจะมีเมนูใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีบริการส่งให้ถึงที่ในละแวกใกล้เคียงอีกด้วย


เรียกได้ว่า ‘นก ศิขรินธาร’ เป็นดาราที่ดำเนินธุรกิจด้านร้านอาหาร แล้วลงมือทำอาหารเองเกือบทั้งหมด และเข้ามาดูแลร้านทุกวัน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด และลดความเสี่ยงในเรื่องการบริหารจัดการ ส่งผลให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและเชื่อมั่นในมาตรฐานของร้าน Pizza Café และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ลูกค้ามักจะจัดปาร์ตี้ และจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ร้าน จากพื้นที่กลางแจ้งที่สามารถจุคนได้ประมาณ 40 คน และในห้องแอร์อีกประมาณ 20 คน
ส่วนแผนในการขยาย สาขา ทาง Pizz café ตั้งใจจะขยายไปในย่านชุมชนที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ เช่น สุขุมวิท แต่ขณะนี้ยังติดปัญหาเรื่องบุคคลากรที่มีความรู้และความชำนาญ ดังนั้นจึงต้องรออีกระยะหนึ่ง

***สนใจติดต่อ 0-2934-8072, 08-5822-0007***


ที่มา : www.manager.co.th

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ต้นกล้าอาชีพ


แนะนำโครงการดี ๆ สำหรับผู้ว่างงาน ที่ยังไม่รู้จะทำอะไรดี เงินทุนไม่มี ไม่มีความรู้
โครงการต้นกล้าอาชีพเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สนับสนุนทั้งเงินทุน ความรู้ให้ผู้เรียนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ในอนาคต ตอนนี้เพิ่งจะปิดรับสมัครของรุ่นที่ 6 ซึ่งเปิดรับสมัครช่วง 1-15 สิงหาคม 2552 และเริ่มเรียนในช่วงกันยายน (น่าเสียดายจังนะคะ) คาดว่าจะเปิดรับสมัครรุ่นต่อไปเร็ว ๆ นี้ค่ะ โครงการนี้ รัฐบาลสนับสนุนเงินทุน ในส่วนของเบี้ยเลี้ยงวันละ 160 บาท และค่ารถวันละ 30 บาท ตลอดระยะเวลาที่อบรม (ประมาณ 20 วัน) และเงินทุนประกอบอาชีพอีก 3 เดือน เดือนละ 4800 บาท พร้อมทั้งได้รับการอบรมจากวิทยากรผู้ชำนาญ ที่สำคัญได้มีโอกาสทดลองทำจริง ๆ เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความมั่นใจว่าสามารถประกอบอาชีพได้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเรียนได้ใกล้บ้านท่าน โดย 1 คนลงเรียนได้เพียง 1 หลักสูตรเท่านั้น หลักสูตรมีทั้งเรียนทำขนม, สอนทำสปา, ทำน้ำข้าวกล้องงอก, ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค และอื่น ๆ อีกมากมาย สนใจลองเข้าไป http://www.tonkla-archeep.com

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ทุนต่ำ กำไรงาม ด้วย"บัวลอย"



"บัวลอย" ขนมไทย ทำเงิน ลงทุนน้อย เริ่มต้นง่าย

"แป้ง ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม แป้งเท้ายายม่อม 200 กรัม แป้งมัน 200 กรัม น้ำกะทิ 200 กรัม มันเทศสุก 1 ช้อนโต๊ะ เผือกสุก 1 ช้อนโต๊ะ ต้นทุนไม่เกิน 300 บาท สามารถทำขนมบัวลอยได้ประมาณ 60 ถ้วย ขนาดถ้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ขายราคาตลาดถ้วยละ 10 บาท ใส่ไข่เพิ่ม 5 บาท หักต้นทุนแล้วเหลือกำไร 300 บาท"



ย้อนกลับไปในสมัย โบราณ คนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญ เป็นต้นว่า งานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือไว้ต้อนรับแขก เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคน ระยะเวลาในการทำ และวัตถุดิบที่หายากพอสมควร แต่ปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป ขนมทุกชนิดหารับประทานได้ง่าย เนื่องจากมีผู้ทำขายมากราย ดั่งเช่น ขนมบัวลอย


ก้าวแรกเศรษฐี ฉบับนี้ นำเสนอข้อมูล รายละเอียด การขายขนมบัวลอย ขนมไทยที่ใช้ในพิธีมงคล อันมีส่วนผสมสำคัญ อาทิ แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน แป้งเท้ายายม่อม มะพร้าวกะทิ น้ำตาลทราย โดยผู้ที่มาให้รายละเอียดคือ อาจารย์จินดามาศ ทินกร วิทยากรศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน



บัวลอย ทำง่าย

หัวใจสำคัญคือ ส่วนผสม


ปัจจุบัน อาจารย์จินดามาศเปิดหน้าร้านขายขนมบัวลอย และขนมครก อยู่หมู่บ้านฟ้าปิยรมณ์ ลำลูกกา คลองหก สูตรที่ใช้เป็นสูตรคิดค้นขึ้นเอง โดยเฉพาะตัวแป้งบัวลอย ที่มีรสชาติเหนียว นุ่ม และหอม ไม่เหมือนใคร

สำหรับ แป้งทำบัวลอย อาจารย์จินดามาศ บอกว่า มีขายแบบสำเร็จรูป และลงมือทำเอง ซึ่งรสชาติไม่เหมือนกัน ถ้าทำเองจะอร่อย และหอมกว่า ส่วนผสมหลัก ประกอบไปด้วย แป้งข้าวเหนียว ตราดอกไม้ไทย แป้งเท้ายายม่อม แป้งมัน ผลมันเทศสุก เผือกสุก น้ำกะทิ น้ำอุ่น นำมานวด ใช้ได้ทั้งนวดมือ และเครื่อง ถ้าต้องการตัวแป้งที่มีสีสัน สามารถเติมสีผสมอาหาร ที่ได้จากผัก หรือผลไม้ตามธรรมชาติ

"ขนมบัวลอยในสมัยก่อน ไม่ได้มีสีสันมากมายเฉกเช่นปัจจุบัน มีเพียงสีขาว และสีแดง ที่ใช้ในพิธีมงคล แต่ทุกวันนี้ ความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น จึงมีแป้งสีสันต่างๆ ออกมา อาทิ สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีม่วง สีส้ม สีฟ้า ซึ่งสีแดง ได้จากหัวบีทรูท หรือดอกกระเจี๊ยบแห้ง สีเหลือง ใช้ฟักทองสุก สีเขียว จากใบเตย สีม่วง ใช้ดอกอัญชัน สีส้ม ได้จากแคร์รอต หรือชาไทย สีฟ้า ได้จากดอกอัญชัน เป็นต้น"

นอกจากแป้งจะเป็นส่วน ประกอบสำคัญของขนม หัวใจความอร่อยอีกอย่างคือ น้ำกะทิ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้มะพร้าวกะทิมาคั้นเพื่อให้ได้กะทิที่สดใหม่ แต่ถ้าแพงเกินไป หรือหาซื้อไม่ได้ สามารถใช้กะทิพาสเจอไรซ์ แบบกล่อง ยี่ห้ออร่อยดี แทนได้ เนื่องจากมีกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ และเวลาทำขายไม่ควรปรุงรสชาติหวานจัด เพราะปัจจุบันคนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น "มะพร้าวกะทิ หาซื้อยาก และราคาแพง เนื่องจากมะพร้าวทุกสายพันธุ์ เวลาติดผลใน 1 ทะลาย จะมีผลที่เป็นมะพร้าวกะทิร่วมอยู่ด้วยเพียง 1-3 ผลเท่านั้น ลักษณะเนื้อนิ่ม ฟู ให้น้ำกะทิมากกว่ามะพร้าวทั่วไป ราคาลูกละ 100-120 บาท"

ทราบเคล็ดลับความอร่อยของขนมบัวลอยแล้ว ลำดับถัดมาถึงอุปกรณ์การทำ อาจารย์จินดามาศ ระบุว่า เป็นเครื่องครัวที่ทุกบ้านมีอยู่แล้ว อาทิ เตาแก๊ส หรือเตาถ่าน กระบวย กะละมัง เว้นแต่กระทะทองเหลือง ที่ต้องใช้ "ขนมบัวลอยวัตถุดิบมีไม่มาก และปรุงไม่ยาก สามารถใช้อุปกรณ์ทำครัวได้หมด เว้นแต่กระทะที่ใช้ต้ม ต้องใช้กระทะทองเหลืองเท่านั้น เพราะถ้าต้มในหม้ออะลูมิเนียม น้ำจะขุ่นไม่ใส สีไม่สวย ราคาจำหน่ายตามขนาดมีตั้งแต่ใบละ 1,000 บาทขึ้นไป"

นอกจากขนมบัวลอย จะทำง่าย ลงทุนต่ำ ขายได้กำไรดีแล้ว ข้อได้เปรียบอีกอย่างคือ วัตถุดิบหาซื้อได้ง่าย อาจารย์จินดามาศ กล่าวว่า ส่วนผสมทุกอย่างสามารถซื้อได้ที่ตลาดสด ร้านขายของชำ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าทั่วไป



ลงทุนน้อย กำไรดี

เผยสูตรให้ลองทำ


สอบ ถามงบประมาณการลงทุนทำขาย และกำไรแต่ละครั้ง อาจารย์จินดามาศ กล่าวว่า เฉพาะค่าวัตถุดิบประมาณ 300 บาท ทำขนมบัวลอยได้ 60 ถ้วย กำไรครึ่งหนึ่ง "แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม แป้งเท้ายายม่อม 200 กรัม แป้งมัน 200 กรัม น้ำกะทิ 200 กรัม มันเทศสุก 1 ช้อนโต๊ะ เผือกสุก 1 ช้อนโต๊ะ ต้นทุนไม่เกิน 300 บาท สามารถทำขนมบัวลอยได้ประมาณ 60 ถ้วย ขนาดถ้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เซนติเมตร ขายราคาตลาดถ้วยละ 10 บาท ใส่ไข่เพิ่ม 5 บาท หักต้นทุนแล้วเหลือกำไร 300 บาท"

เมื่อทราบต้นทุน ต่อมาคือรูปแบบการขาย อาจารย์จินดามาศ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ถ้าเป็นตลาดที่มีคนสัญจรผ่านไปมา ใช้วิธีตั้งโต๊ะตักวางเป็นถุง หรือลงทุนซื้อเตาแก๊สปิคนิค นำหม้อบัวลอยตั้งไฟให้ร้อนเวลาขาย ถ้าจะขายในละแวกชุมชน แนะนำให้ใช้รถเข็น เพราะสามารถแล่นไปตามซอกซอย ราคาคันละประมาณ 3,000 บาท "บัวลอยบางร้านใช้วิธีลวกแป้งทิ้งไว้ แล้วตักน้ำกะทิราด ซึ่งจะไม่อร่อย เพราะไม่กลมกล่อมเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้น ควรต้มแป้งและน้ำกะทิด้วยกัน เวลาขายค่อยตักกะทิเข้มข้นราดอีกครั้ง"

ขนมไทยชนิดนี้ อาจารย์จินดามาศ บอกว่า จะขายดีช่วงเย็น ขายได้ทุกวัน ส่วนทำเลที่แนะนำ ยังคงอยู่ย่านตลาดสด ตลาดนัด งานวัด งานประจำปี ชุมชน หอพัก บริษัทห้างร้าน ป้ายรถประจำทาง หน้าร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาล หมู่บ้านจัดสรร สถานศึกษา หรือหากใครมีร้านอาหารอยู่แล้ว นำไปเสริมเป็นของหวานได้

ในกรณีมีคู่แข่งขัน จะใช้วิธีใดตั้งรับ อาจารย์จินดามาศ เผย จากประสบการณ์ขายที่ผ่านมา หากรสชาติแป้งบัวลอยอร่อย และใช้น้ำกะทิสด ภาชนะบรรรจุสะอาด พูดจาไพเราะกับลูกค้า ตั้งใจขาย ไม่หยุดบ่อย จะทำให้ได้ลูกค้าประจำ จากนั้นจะเกิดการบอกปากต่อปากเอง เชื่อว่าจะขายดีทุกวัน

ก่อนยุติเนื้อหา อาจารย์จินดามาศนำสูตรขนมบัวลอยมาให้ทดลองทำ และย้ำว่า โอกาสในการขายขนมชนิดนี้ ยังมีพื้นที่อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันคนยังนิยมบริโภคขนมชนิดนี้อยู่ สนใจสอบถามเนื้อหา หรือเข้ารับการอบรม ติดต่อ ศูนย์อาชีพและธุรกิจ มติชน โทรศัพท์ (02) 589-2222, (02) 589-0492 และ (02) 954-4999 ต่อ 2100, 2101, 2102 และ 2103



แป้งบัวลอย

ส่วนผสม


1. แป้งข้าวเหนียว ตราดอกไม้ไทย 1 กิโลกรัม

2. แป้งเท้ายายม่อม 1 ถ้วยตวง

3. แป้งมัน 1 ถ้วยตวง

4. น้ำอุ่นจัด 3 ถ้วยตวง

5. น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง

6. มันเทศสุก 4 ช้อนโต๊ะ

7. เผือกสุก 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

นำ แป้งข้าวเหนียว แป้งเท้ายายม่อม แป้งมัน เทรวมกันในกะละมัง เติมน้ำอุ่น 2 ถ้วย นวดให้เข้ากัน เติมน้ำกะทิ 1 ถ้วย นวดให้เข้ากัน ลักษณะแป้งจะร่วนชื้น เป็นก้อนเล็กๆ เติมมันเทศสุกบดละเอียดคลุกเคล้าให้ทั่ว ในที่นี้จะทำ 5 สี (สีเหลือง สีขาว สีเขียว สีแดง สีม่วง) แบ่งแป้งเป็น 5 ส่วนเท่าๆ กัน

แป้ง ส่วนที่ 1 ต้องการให้เป็นสีเหลือง นำฟักทองสุกบดละเอียด 1 ขีด ผสมลงไปในแป้ง นวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นห่อไว้ไม่ให้โดนอากาศ

แป้ง ส่วนที่ 2 ต้องการให้เป็นสีขาว เติมเนื้อมะพร้าวกะทิ 1 ขีด ลงในแป้ง นวดด้วยมือหรือเครื่อง จนแป้งเหนียว จากนั้นห่อไว้ไม่ให้โดนอากาศ

แป้ง ส่วนที่ 3 ต้องการให้เป็นสีเขียว เติมน้ำใบเตยเข้มข้นทีละน้อยลงไปในแป้ง นวดด้วยมือหรือเครื่อง จนแป้งออกสีเขียว เหนียวนุ่ม ใส่ถุงพักไว้ไม่ให้ถูกอากาศ

แป้งส่วนที่ 4 ต้องการให้เป็นสีแดง ค่อยๆ เติมเนื้อบีทรูทซอยละเอียด ทีละน้อยลงไป นวดผสมกับแป้ง จนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นห่อไว้ไม่ให้แป้งถูกอากาศ

แป้งส่วนที่ 5 ต้องการให้เป็นสีม่วง นำดอกอัญชันมาคั้นเอาแต่น้ำ ค่อยๆ เทลงไป แล้วนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน

การปั้นแป้งขนมบัวลอย

ควรปั้นด้วยมือ เพราะแป้งจะไม่กระด้าง นำแป้งคลึงเป็นเส้นยาวๆ บีบออกมา คลึงให้เป็นวงกลม



น้ำบัวลอย

ส่วนผสม


1. น้ำกะทิหัว และหาง ปนกัน 4 กิโลกรัม

2. น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม

3. น้ำตาลโตนด 1/2 กิโลกรัม (ถ้าไม่ต้องการลดปริมาณลงได้)

4. ขิงสด 4 แว่น

5. ไข่ไก่สด

ส่วนผสมกะทิไว้สำหรับราดหน้า

1. หัวกะทิ

2. เกลือสมุทร

วิธีทำ

นำ น้ำกะทิหัว และหาง น้ำตาลทราย น้ำตาลโตนด ต้มรวมกัน พอเดือด ใส่ขิงสด และแป้งบัวลอยที่ปั้นไว้ แป้งจะจมก้นกระทะ เมื่อสุกจะทยอยลอยขึ้นมา ลักษณะเป็นเงามัน ลดไฟลง ถ้าต้องการใส่ไข่ ตอกไข่ลงไป เมื่อสุกยกลง ราดหน้าด้วยกะทิเข้มข้น



แหล่งซื้อวัตถุดิบทำขนม และอุปกรณ์การทำ


1. ร้านแสงอรุณ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดจังหวัดนนทบุรี จำหน่ายวัตถุดิบทำขนมไทยทุกประเภท ภาชนะบรรจุ และอุปกรณ์จำเป็นทั้งหมดสำหรับทำขนม โทรศัพท์ (02) 525-0504

2. ร้านตั้งจิบเซ้ง ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 222-1721

3. บ้านทองเหลือง ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่ทำจากทองเหลือง ที่อยู่ 188/1 จรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 866-2253-4 โทรสาร (02) 866-0203 เว็บไซต์www.bangkokbrass.com

4. เวิ้งนาครเขษม, คลองถม, เยาวราช, สะพานหัน เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

5. www.happybakeryshop.com ที่อยู่ 338/57 ซอยลาดพร้าว 87 ถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (084) 079-6687

6. ร้าน BillionNine จำหน่ายกระทะทองเหลือง ที่อยู่ ตลาดนัดจตุจักร โครงการ 22 ซอย 4/2 เลขที่ 016 โทรศัพท์ (02) 903-0558

7. ร้านขจรศักดิ์ เครื่องครัว ที่อยู่ แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 221-0572 โทรสาร (02) 221-7796

8. คลังครัวเรือน อุปกรณ์ทำขนมไทย จังหวัดเชียงราย โทรศัพท์ (053) 660-282, (053) 787-300 โทรสาร (053) 660-281 สายด่วน (089) 852-8446

9. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง 1 ที่อยู่ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 617-6310-2 โทรสาร (02) 617-7785

10. หจก. สหตั้งง่วนเฮง ที่อยู่ 24-26 ถนนอนุวงศ์ แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 453-2015-18 โทรสาร (02) 897-8313

11. ร้านกิตติเครื่องครัว ที่อยู่ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 271-0634

12. บริษัท คิงส์แมชชีนส์กล้วยน้ำไทการช่าง จำกัด ที่อยู่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732, (02) 249-5235, (02) 249-5620, (02) 671-6844-5 โทรสาร (02) 672-8700

13. รุ่งเรืองกลการ ที่อยู่ 254/1 หมู่ 4 ซอย วปอ.11 ถนนเศรษฐกิจ ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โทรศัพท์ (02) 810-9282-3, (080) 229-2288, (081) 400-7446 โทรสาร (034) 471-388

14. ร้านกล้วยน้ำไทการช่าง สาขาพระโขนง กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 249-4732-35 โทรสาร (02) 249-5620

ที่มา : Matichon Online

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วิธีทำสบู่

เครื่องมือที่จำเป็นในการทำสบู่ พิมพ์แบบต่างๆ


เครื่องมือ

  1. ที่ขูดเนย (cheese quater)
  2. ตาชั่งที่มีความเที่ยงตรง
  3. หม้อเหล็กหรือหม้อเคลือบ 2 ใบ ซ้อนกันสองชั้น ชั้นนอกใส่น้ำส่วนชั้นในใส่เนื้อสบู่
  4. ถ้วยตวง
  5. พายไม้ ใช้คนส่วนผสม
  6. เทอร์โมมิเตอร์ 100 องศาเซนติเกรด ขึ้นไป
  7. ตะแกรง สำหรับใช้ผึ่งสบู่ให้แห้ง


เนื้อสบู่
  1. สบู่บด (minced soap) เป็นเนื้อสบู่ที่เรานำมาหลอมละลายในหม้อแล้วใส่ส่วนผสมต่างๆลงไปตามต้องการ
  2. glycerin soap bar อันนี้เรามาทำสบู่ใสเวลาทำก็นำมาหลอมละลาย แล้วเติมกลิ่น ตกแต่งตามความต้องการ

การทำสบู่อย่างง่าย

วัตถุดิบที่เรานำมาทำเป็นสบู่ก็คือ สบู่ นั่นเองแต่เป็นสบู่ที่ยังไม่ได้แต่งเติมทั้งสี กลิ่น เราสามารถทำสบู่ให้เป็นรูปร่างต่างๆตามต้องการหรือตามแบบพิมพ์ที่เราชอบ ส่วนผสมของสบู่ที่ใช้อยู่ที่เนื้อสบู่ 120 กรัม และน้ำ 90 กรัม นอกนั้นเป็นสีและกลิ่นเพียงเล็กน้อย หากต้องการทำปริมาณมากกว่านี้ก็ขอให้รักษาอัตราส่วนระหว่างเนื้อสบู่กับน้ำ ไว้ตามนี้

วิธีทำ


  1. นำสบู่มาขูดเพื่อทำให้เป็นชิ้นเล็กๆ ชั่งเกล็ดสบู่ให้ได้ 120 กรัม
  2. เท น้ำลงหม้อตุ๋นทีละน้อยเทส่วนผสมลงในหม้อตุ๋นชั้นในคนด้วยพายไม้ตลอดเวลาจน เนื้อเนียน ต้องหมั่นตรวจ อย่าให้อุณหภูมิเกิน 65-70 องศาเซนติเกรด


  3. เติม สี หากเป็นสีฝุ่นให้ละลายด้วยน้ำอุ่น ให้เข้ากันก่อน หยดเพียง 2-3 หยด คนจนเข้ากันดี เติมกลิ่น ลงไปประมาณ 3-4 หยด หากเป็นหัวน้ำหอมควรเติมตามคำแนะนำในฉลาก หรือทดลองทำน้อยๆหาอัตราส่วนที่ชอบก่อนแล้วค่อยเติม
  4. คนส่วน ผสมให้ทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ให้สบู่เย็นลง เติมสบู่ที่ได้ลงในแบบที่สะอาดและสเปรย์ ด้วยน้ำมันพืชเพื่อป้องกันไม่ให้สบู่ติดแบบ เคาะแบบกับโต๊ะเพื่อไล่ฟองอากาศ


  5. ปล่อย ให้เย็นลงพออุ่นๆแล้วนำไปแช่เย็นอีก 2 ชั่วโมง เพื่อให้เคาะออกจากแบบง่าย (เคาะบนโต๊ะ) ก่อนถอดจากแบบปาดผิวหน้าด้วยมีดแล้วให้ถอดโดยดันออกจากด้านหลัง เมื่อนำสบู่ออกจากแบบสบู่ก็ยังคงนุ่มให้ถือด้วยความระมัดระวัง วางสบู่ลงบนตะแกรง ถ้าผิวไม่เรียบร้อยก็แต่งด้วยมีด
ลักษณะสบู่ที่ทำเสร็จแล้ว

เมื่อทำเสร็จถึงขั้นตอนนี้แล้วต้องปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง 2-3 วัน ถึง 1 สัปดาห์ ต้องวางในที่แห้งมีอากาศถ่ายเทสะดวก ระหว่างนี้รูปร่างอาจบิดงอได้ให้คอยสังเกตุและจับวางกลับด้านถ้าจำเป็นก็ เสร็จแล้วนำไปใช้หรือนำไปหีบห่อต่อไป เครื่องมือที่เราใช้แล้วให้ทำความสะอาดแล้วนำไปแช่นำอุ่นประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วตากให้แห้ง


ที่มา : www.ThaiFranchiseCenter.com



วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ธุรกิจร้านกาแฟ














จากพิษเศรษฐกิจที่ผ่านมา มีหลาย ๆ คนโดนพิษเศรษฐกิจเข้าไปจัง ๆ บ้างก็โดนเลย์ออฟ บ้างก็โดนงดโบนัส ส่วนตัวผู้เขียนเองปีนี้ อาจจะไม่ได้ขึ้นเงินเดือนค่ะ เศร้าจัง เรามันมนุษย์เงินเดือนนะคะ จะเรียกร้องอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะเป็นแค่ลูกน้อง เห็นทีต้องเอาจริง เอาจัง กับการหาอาชีพเสริมสักทีล่ะค่ะ วันนี้เลยเอาเรื่องการเปิดร้านกาแฟมาเขียน เพราะถือว่า เป็นธุรกิจยอดฮิตกันทีเดียว ใคร ๆ ก็อยากจะมีร้านกาแฟน่ารัก ๆ สักร้าน

เข้าเรื่องกันสักที อยากเปิดร้านกาแฟ จำเป็นต้องรู้อะไรบ้าง ตอนแรกต้องดูงบประมาณก่อน แล้วมาเลือกแฟรนไชส์ที่เราคิดว่าเหมาะกับตัวเรา ส่วนด้านล่างนี้ เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ

รายชื่อแฟรนไชส์ ราคาแฟรนไชส์
กาแฟ เนเจอร์กิฟ คอฟฟี่พลัส 19,000
กาแฟ ไทยชง บอรก 20,000
กาแฟ กาแฟสด Coffee Dream 24,000
กาแฟ กาแฟชาวดอย 27,900
กาแฟ คอฟแมน 28,000
กาแฟ คาเฟ่ ดี ล้านนา 29,000
กาแฟ กาแฟ คอฟฟี่เลิฟ (coffee love) 35,900
กาแฟ โคโคโร่ คอฟฟี่ 36,000
กาแฟ สะภากาแฟ 38,000
กาแฟ ปังสด สังขยา กาแฟ นมสด 39,000
กาแฟ บลูเมาท์เทนคอฟฟี่ 40,000
กาแฟ กาแฟ สวัสดี 43,000
กาแฟ จาด้า กาแฟสด 43,500
กาแฟ กาแฟสด ซีอีโอ 45,000
กาแฟ กาแฟ ณ สยาม 49,000
กาแฟ กาแฟ อาหลิว 49,999
กาแฟ คอฟฟี่ เอฟ 55,000
กาแฟ คอฟฟี่พีช 65,000
กาแฟ ราบิก้า คอฟฟี่ 90,000
กาแฟ คอฟฟี่แม็กซ์ 110,000
กาแฟ กาแฟนายหลา 189,000
กาแฟ คาเฟ่ เดอ ไอยรา 200,000
กาแฟ คอฟฟี่ ทูเดย์ 250,000
กาแฟ โซเวนเต้ คอฟฟี่ แอนด์ ที จำกัด 350,000
กาแฟ โมเดิร์นคอฟฟี่ 400,000
กาแฟ อินทนิล คอฟฟี่ 600,000
กาแฟ แบล็คแคนยอน 630,000
กาแฟ คาเฟ่ ดิ โอโร 800,000
กาแฟ คอฟฟี่เมคเกอร์ 1,000,000
กาแฟ คอฟฟี่ เวิลด์ 1,000,000
กาแฟ เชสเตอร์คอฟฟี่ 1,000,000
กาแฟ มิสเตอร์ บีน (Mr. Bean) 1,200,000
กาแฟ ไนน์ตี้-โฟร์ คอฟฟี่ 1,300,000
กาแฟ ร้านโซลิโต้ 1,500,000
กาแฟ คาเฟ่ อินดี้ 1,500,000
ที่มา :SMEs SmartFranchise


ปัจจัยที่ทำให้รสชาดที่ทำให้กาแฟอร่อย
1. ชนิดของกาแฟ ซึ่งแต่ละชนิดจะให้กลิ่นและรสชาดแตกต่างกันไป
2. การคั่วบด กาแฟที่บดหยาบรสชาดจะอ่อนกว่ากาแฟที่บดละเอียด
3. วิธีการชง
4. ส่วนผสมพิเศษต่าง ๆ เช่น น้ำตาล ครีม นมสด ทำให้รสชาดของกาแฟแตกต่างกันออกไป
5. การเก็บรักษา กาแฟที่สัมผัสกับอากาศนั้นจะทำให้กลิ่นหมดไปและมีผลต่อรสชาด

สำหรับผู้สนใจ ขอแนะนำเวปไซด์ข้างล่างนี้เลยค่ะ เพราะกว่าจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟสักร้าน รายละเอียดยุบยับเต็มไปหมด การศึกษารายละเอียดต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อย ขอให้โชคดีทุกคนนะคะ

http://www.bkkfood.com/choicecoffee/index.php
http://www.coffeemade.com/
http://salotto.co.th/home/
http://www.roytawan.com/mycoffee.php

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Justin Bieber, Gold Price in India