วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

อาชีพอิสระ-ตุ๊กตาไหมพรม (bAntAktor)

        ตุ๊กตาไหมพรมของ “บ้านถักทอ” (bAntAktor) ไม่ได้เป็นเพียงของเล่นธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ได้สร้างบุคลิกให้ตุ๊กตาแต่ละตัว และเปิดโอกาสให้เจ้าของได้สนุกสนานที่จะเลือกเครื่องแต่งกายสำหรับตุ๊กตาตัวโปรด นับเป็นไอเดียสุดเก๋ที่สร้างจุดเด่น และเพิ่มมูลค่าแก่ผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญ เบื้องหลังการผลิต มีที่มาจากการสืบสานงานฝีมือถักทอของชาวเชียงคำ จ.พะเยา และยังช่วยสร้างงานแก่ชุมชนบ้านเกิดด้วย
bAntAktor
       วิธีสร้างความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ “บ้านถักทอ” ได้ออกแบบตุ๊กตาเป็นตัวละครเด็ก 3 ตัว ที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ทั้งหน้าตา ทรงผม และบุคลิก ได้แก่ “น้องถัก” อุปนิสัยเรียบร้อยน่ารัก “น้องทอ” เป็นเด็กขี้เล่น สดใส และ “น้องโบโซ่” บุคลิกแสบซ่ายียวน โดยจะมอบหน้าที่ให้ผู้ซื้อ เลือกเครื่องแต่งกายต่างๆ มาสวมใส่ให้แก่ตุ๊กตาตัวโปรดตามความพอใจ มีให้เลือกทั้ง เสื้อ กางเกง กระโปรง หมวก ผ้าพันคอ รองเท้า กระเป๋า เป็นต้น
bAntAktor3
        นอกจากนั้น อีกเอกลักษณ์ที่สื่อถึงความเป็นสินค้าจากเชียงคำอย่างเด่นชัด คือ การนำผ้าพื้นเมืองของชาวไทยภูเขาในท้องถิ่น เช่น ผ้าปัก ผ้าพื้นบ้าน ผ้าขาวม้า เป็นต้น มาผสมผสานทำเป็นเครื่องแต่งกายต่างๆ ของตุ๊กตาด้วย
       “ใน อ.เชียงคำ มีชาวไทยภูเขาอาศัยอยู่จำนวนมาก ซึ่งเครื่องแต่งกายของชาวไทยภูเขา ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งคนทั่วไปนึกถึงได้เป็นอย่างดี ดิฉันจึงหยิบผ้าพื้นบ้านมาทำเป็นเครื่องแต่งกายของตุ๊กตา แต่ปรับดีไซน์ให้ดูทันสมัยขึ้น ขณะที่ การถักทอต่างๆ เป็นแฮนด์เมดจากฝีมือของชาวเชียงคำ ตัวจริงเสียงจริง 100% เพื่อสื่อให้เห็นว่าเป็นสินค้าจากชุมชนจริงๆ” สายอรุณ และยังผลิตเสื้อผ้าตุ๊กตาซึ่งมีแบบให้เลือกหลากหลาย       หมวกตุ๊กตา      รองเท้าตุ๊กตา
        ตัวตุ๊กตา มีให้เลือก 4 ขนาด ได้แก่ เล็ก กลาง ใหญ่ และใหญ่พิเศษ เริ่มจากความยาวประมาณ 25 เซนติเมตรถึงใหญ่สุดประมาณ 80 เซนติเมตร ส่วนเครื่องแต่งกายต่างๆ ของตุ๊กตา มีให้เลือกหลายประเภท หลากสีสัน แต่ละประเภทมีหลายสิบแบบ ส่วนราคาขาย ถ้าเป็นตุ๊กตาตัวเล็ก+เครื่องแต่งกาย 1 ชุด 350-380 บาท (แล้วแต่อุปกรณ์) ส่วนตัวใหญ่สุด+เครื่องแต่งกาย 1 ชุด 800-950 บาท (แล้วแต่อุปกรณ์) ขณะที่เครื่องแต่งกายต่างๆ สามารถซื้อเพิ่ม แยกชิ้นได้ ราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 30 บาท นอกจากนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอื่นๆ ไว้ให้เลือกสรร เช่น พวงกุญแจ กระเป๋า เสื้อ เป็นต้น ทั้งหมดคงเอกลักษณ์เป็นงานถักไหมพรมเช่นเดิม
bAntAktor2
        สายอรุณ ระบุว่า ขั้นตอนการทำงาน ส่วนตัวจะเป็นคนออกแบบตุ๊กตา และผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึง จัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่สำคัญ ได้แก่ ไหมพรม คอตตอน 100% คุณภาพสีไม่ตก เนื้อนุ่น ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับทำเสื้อถักไหมพรมเพื่อการส่งออก กับใยสังเคราะห์สำหรับยัดใส่ตัวตุ๊กตา ขณะที่ด้านการผลิตเป็นฝีมือชาวบ้านล้วนๆ ปัจจุบัน มีสมาชิกกว่า 40 คน โดยเฉลี่ยแต่ละคนจะมีรายได้เสริมจากอาชีพนี้ ประมาณ 1,000-3,000 บาทต่อเดือน
         “อาชีพหลักของชาวบ้าน ยังทำเกษตร แต่อาชีพนี้ มาช่วยสร้างรายได้เสริม แม้จะไม่มากนัก แต่ชาวบ้านก็พึงพอใจ เพราะเขาสามารถทำงานได้ที่บ้านตัวเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ เราต้องพยายามปรับการทำงานให้สอดคล้องกับวิถีชุมชน เช่น ต้องทำสต็อกสินค้าไว้ก่อนเข้าฤดูเก็บเกี่ยว หรือตอนมีออเดอร์จำนวนมากเข้ามา ก็ต้องสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจว่า ต้องช่วยกันรับผิดชอบผลิตงานให้ตรงตามนัดหมาย” ประธานกลุ่ม กล่าว
        ด้านช่องทางขายเวลานี้ มีตัวแทนรับไปวางที่แหล่งท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ และหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมถึง ออกงานแฟร์สินค้าชุมชน นอกจากนั้น ยังมีออเดอร์สั่งไปขายต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น โดยเฉลี่ยยอดขายประมาณ 200-300 ตัวต่อเดือน ขณะที่กำลังผลิตยังเพียงพอ สามารถทำได้สูงสุดประมาณ 500 ตัวต่อเดือน
       หากท่านผู้ใดสนใจ สามารถติดต่อได้ทางเบอร์โทร.08-1950-7008

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพ เดือนธันวาคม 2555

วันนี้ หยิบเอาตารางหลักสูตรฝึกอาชีพของศูนย์มติชน สำหรับในเดือนธันวาคม 2555 มาฝากค่ะ เป็นหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น ใช้เวลาอบรมเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น คุณก็มีความรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้แล้ว น่าสนใจใช่ไหมล่ะคะ ราคาค่าคอร์สอบรม ก็ไม่เกิน 3000 บาท เป็นราคาที่ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ฝึกอาชีพ ธันวาคม2555

ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพมติชน ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ

_thumb2
สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน มีความสุข ร่ำรวยทุกท่านนะคะ
ที่มา : http://www.matichonacademy.com/

วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"Fresh box" ร้านสลัดสไตล์นุ่น ศิรพันธ์

ในบรรดานักแสดงชื่อดังของช่อง 3 ชื่อของ “นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา” ก็อยู่ในทำเนียบนั้นด้วย ล่าสุดโด่งดังจากบท “ผีอีแพง” ในละครเรื่อง “บ่วง” ซึ่งแม้จะลาจอไปแล้ว แต่ไปที่ไหนๆ ก็ยังมีคนพูดถึงตลอด และแม้ช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมนี้จะยังไม่มีละครของเธอออนแอร์ แต่สาวนุ่นก็มีผลงานให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงทั้งในการแสดงละครเวทีเรื่อง “กุหลาบสีเลือด” และงานพิธีกรรายการ “พราว”

ลูกค้ามากันตึม ที่นั่งไม่พอ
หากติดตามข่าวคราวในวงการบันเทิง จะเห็นได้ว่าใช่แต่สาวนุ่นจะเป็นนักแสดงมากฝีมือเท่านั้น เธอคนนี้ยังเก่งในเรื่องการออกแบบตกแต่งด้วย เห็นได้จากผลงานตกแต่งร้านของตัวเองชื่อร้าน “FRESH BOXX Salad Cafe” โดยนำตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นร้านสีสันฉูดฉาดเตะตา อยู่ริมถนนเลียบคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา (ติดกับหมู่บ้านมัณฑนา) ซึ่งแม้จะเพิ่งเปิดมาได้แค่ 3 เดือน แต่ปรากฏว่าผลตอบรับดีเกินคาด ลูกค้ามากันเนืองแน่น ทำเอาโต๊ะที่มีอยู่ไม่เพียงพอ
วันก่อนมีโอกาสนั่งสนทนากับนางเอกสาวถึงธุรกิจร้าน “FRESH BOXX” รวมถึงเพื่อนสาวที่ร่วมหุ้นกับเธอ “คุณสาวิตรี น้อยพจนา”

นักแสดงสาว เล่าว่า “นุ่นดูแลเรื่องของการตกแต่งร้านและพีอาร์ ส่วนเพื่อนจะทำอาหารอย่างเดียว เพราะเรียนออกแบบมาด้วยกัน แต่เพื่อนจบเชฟมา ทำอาหารเก่ง  FRESH BOXX เป็นร้านเล็กๆ ทำกัน 2 คน จุดเด่นของร้านคือ เป็นร้านขายสลัด ก็มีผัก เป็นเมนูที่เลือกเองได้ ชอบทานผักอะไรก็สั่งได้ มีน้ำสลัดหลากหลาย เหมือนมีชอยซ์ให้เลือก ชอบแบบไหนก็เลือกได้ และมีพาสต้า เราทำเมนูน้อย ไม่ได้เยอะมาก แต่เน้นคุณภาพ”

ชื่นชอบงานดีไซน์อิงธรรมชาติ
ส่วนการตกแต่งร้านนั้น นุ่น แจกแจงว่า “เราพยายามแต่งร้านให้มันเก๋ๆ ไม่เหมือนใคร ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ติดแอร์เรียบร้อย ตอนนี้มี 4 ตู้ เปิดเฉพาะข้างล่าง ข้างบนเรายังไม่พร้อมเท่าไหร่ ยังปิดอยู่ ให้ผ่านพ้นช่วงหน้าฝนไปก่อน ลองเปิดร้านมาตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมาฟีดแบ็กดี คนจะชอบสีร้าน เพราะสีร้านจะฉูดฉาด และมีกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ เช่นทำเบาะไม่เหมือนคนอื่น ทำโคมไฟกันเอง บางสิ่งบางอย่างประดิษฐ์กันเอง

ในเรื่องการดีไซน์ จริงๆ นุ่นชอบแบบเรียบๆ แต่แอบมีกิมมิกนิดหน่อย อย่างที่ร้านอาจจะตอบโจทย์กับลูกค้าเรา คือกลุ่มนักศึกษา ต้องการความสดใส ไลฟ์สไตล์แบบสบายๆ เลยใช้สีแบบฉูดฉาด แต่ถ้าถามความเห็นนุ่น ส่วนตัวเป็นคนชอบแบบเรียบๆ น้อยๆ อิงธรรมชาติ”

นุ่น บอกด้วยว่า ในช่วงทำร้านแรกๆ นั้น เธอเป็นคนลงมือปลูกหญ้าเอง ปิดหน้าปิดตาใส่เสื้อคลุมมิดชิด คนผ่านไปผ่านมาก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ลุงคนหนึ่งผ่านมาถามว่าซื้อตู้คอนเทนเนอร์มาราคาเท่าไหร่ และยังไม่ทันที่เธอจะออกปากตอบคำถาม ลุงคนนั้นก็บ่นพึมพำว่า เออเป็นคนงานเป็นลูกจ้างคงไม่รู้เรื่องหรอก แล้วก็เดินออกไป ซึ่งเธออยากจะบอกเหลือเกินว่า “หนูรู้ซิเพราะเป็นคนซื้อมาเอง”

ในการทำร้านดังกล่าว สาวนุ่น ยืนยันว่า “ทำแบบพอดีๆ พอเพียง มีแค่ 6 โต๊ะ มีเคาน์เตอร์บาร์อีกแค่ 6 ที่ ไม่ได้เยอะมาก ถ้าในร้านนั่งได้ประมาณ 30 กว่าคน ถ้าข้างนอกฝนไม่ตกก็นั่งได้ 40 กว่าที่ ในอนาคตจะขยายให้มันดีขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่ลงตัวเรื่องของคนด้วย”

เมื่อเข้าไปในร้านจะเห็นโคมไฟของร้านเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหน ทำเป็นกรงตาข่ายเล็กๆ สีสดใส สวยทีเดียว ลูกค้าบางรายเข้ามาใช้บริการแล้วชอบอกชอบใจ ถึงกับสอบถามว่าซื้อจากที่ไหน ประเภทอยากจะซื้อไปใช้บ้าง
บรรยากาศในร้าน ถ้าลูกค้าบางคนชอบแบบเป็นส่วนตัวหน่อยอาจจะเข้าไปในห้องด้านในสุด ที่มีอยู่ 2 โต๊ะ อยู่คนละมุม เป็นแบบนั่งกับพื้นสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนถ้าใครชอบนั่งเก้าอี้ก็มีให้เลือกทั้งในห้องและนอกห้อง

เมนูยอดฮิต
สำหรับเมนูยอดฮิตของร้านนั้น นุ่น บอกว่า “ลูกค้าจะชอบพาสต้า เพราะเพื่อนทำพาสต้าอร่อย โดยเฉพาะสควิดอิงก์ซอส
นอกจากนี้ น้ำสลัดที่ร้านจะไม่เหมือนที่อื่น จะมีเอกลักษณ์ของเราเอง มีหลายรสชาติ มีแบบครีมรสเผ็ด รสจัดจ้าน อย่างน้ำสลัดญี่ปุ่นจะปรุงไม่เหมือนที่อื่น มีรสชาติแตกต่างนิดหน่อย และผักที่ใช้ก็มีทั้งผักปลอดสารพิษ และผักจากโครงการหลวง อย่างสลัดเริ่มต้นที่ 69 บาท ไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับคุณภาพที่ใช้ เรารู้สึกว่าเหมือนชวนเพื่อนมาทานข้าวที่บ้าน นุ่นเองก็ชอบทานสลัด เราก็อยากใช้ของดีๆ มารับแขกเหมือนบ้านเรา ถ้าเทียบกับปริมาณ คุณภาพ ถือว่าราคานี้ถูกมาก ราคาแพงสุดคือพาสต้าสควิดอิงก์ซอส จานละ 220 บาท เราใช้หมึกของปลาหมึกมาทำ ก็จะเป็นสีดำ เป็นรสชาติเฉพาะ ส่วนพาสต้าอื่นๆ ประมาณแค่ 130 บาท”

ถามงบประมาณที่ลงทุนไป นุ่นขออุบไว้ก่อน แต่บอกว่า เป็นหลักล้าน และคิดว่าปีหนึ่งก็น่าจะคืนทุนได้แล้ว

“ตอนนี้ยังไม่คิดแบบซีเรียสมาก เพราะเราทำด้วยใจรัก เรื่องบิสซิเนสยังไม่ได้เด่นกว่า อีกทั้งนุ่นเพิ่งเรียนจบด้าน

งานออกแบบพร้อมเพื่อน เลยอยากทำงานดีไซน์ มาช่วยกันตกแต่งร้านกัน”

เห็นฝีมือการตกแต่งร้านของเธอแล้ว ต้องบอกว่าใช้ได้เลย เพราะแม้จะใช้สีจัดจ้านตกแต่งตู้คอนเทนเนอร์ แต่หน้าร้านจะใช้หญ้าเม็กซิกัน ทำให้บรรยากาศนอกร้านดูเป็นธรรมชาติดี ซึ่งการที่นางเอกสาวมาทำร้านอาหารทำให้หลายคนอาจจะคิดว่าเธอชอบทำธุรกิจอาหาร แต่นุ่น อธิบายว่า

“จริงๆ แล้วการทำร้านอาหารไม่ใช่เป้าหมายหลักของนุ่น แต่เป็นเรื่องการแต่งร้านต่างหาก คือนุ่นชอบทำงานดีไซน์ อยากจะทำงานแต่งบ้าน อยากจะทำงานโปรดักต์ แต่ว่าร้านนี่ก็เป็นของเราเอง คือตอนนี้เรายังไม่ได้มีลูกค้า ลูกค้าคือตัวเรา ตอบโจทย์ว่าอยากได้ร้านแบบนี้ๆ ทาร์เก็ตลูกค้าเป็นแบบนี้”

อย่างที่เกริ่นให้ทราบแต่ต้นแล้วว่า นางเอกสาวหน้าไทยคนนี้งานค่อนข้างเยอะ ฉะนั้น ถ้าใครอยากจะเจอเจ้าของร้านคนสวยในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้อาจจะผิดหวังบ้าง

“ถ้าอยากเจอนุ่น ต้องวัดดวงเลย ช่วงเดือนสองเดือนนี้ยุ่ง แล้วก็เวลาไม่เป็นเวลา บางทีอาจจะเลิกเร็วสักทุ่มหนึ่งก็จะดิ่งไปร้านแล้ว อาจจะเข้าร้าน 2 ทุ่ม 2 ทุ่มครึ่ง แต่จะไม่เป็นเวลามาก เพราะช่วงนี้ต้องซ้อมพิธีกรกับซ้อมละครเวที”
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มาอุดหนุนร้านเธอนั้น เจ้าตัวแจกแจงว่า “มีหลายแบบมาก ช่วงแรกๆ ที่ประชาสัมพันธ์ไป ช่วงนั้นละครนุ่นกำลังออนแอร์จะมีแบบเป็นครอบครัว อยากเจอจะมาที่ร้าน คุณป้าบางคนบอกอยากมาดูอีแพงตัวจริง ซึ่งร้านเราอยู่แถวศาลายา ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ก้ำกึ่งระหว่างพุทธมณฑล สาย 3 กับสาย 4 ลูกค้าจะเป็นกลุ่มเป็นนักศึกษาบ้าง เป็นครอบครัวหมู่บ้านแถวๆ นั้นบ้าง”

ร้าน FRESH BOXX เปิดขายทุกวัน เริ่มเวลา 16.00-22.00 น. แต่จะหยุดทุกวันอังคาร ถ้าจะมารับประทานที่ร้านโทรศัพท์จองได้ที่ (02) 800-2962 หรือเข้าไปดูในhttp://www.facebook.com/FreshBoxxSaladCafe
สำหรับปัญหาอุปสรรคที่ร้านนางเอกสาวเจอะเจอ เจ้าตัวเล่าว่า “หนึ่ง คนเราไม่พอ เดิมทีเรากะทำกันแบบว่าเปิดบ้านให้เพื่อนมาหา ทำกันเล็กๆ แต่ว่าช่วงแรกๆ พอคนทราบเขาจะมากัน เราก็ดีใจแต่ว่าเนื้อที่เราจำกัด คือตู้คอนเทนเนอร์มันไม่ได้ใหญ่ ช่วงแรกๆ จะมีปัญหาว่าคนมาแล้วไม่มีที่นั่ง บางทีมาของหมด เพราะเรากะคนช่วงแรกๆ ไม่ถูก นอกจากนี้ บางคนเข้าใจว่าสลัดกับพาสต้าต้องเร็ว อารมณ์แบบฟาสต์ฟู้ด ทั้งที่ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ทำทีละจาน ดังนั้น จะมีปัญหาในการแมเนจเวลาบริการ แต่ก็จะทำให้มันดีขึ้น ซึ่งก็ยังแก้ได้ไม่ทั้งหมด”

ตั้งบริษัท Goodnoonday
แม้งานในวงการบันเทิงจะยุ่งเหยิงเพียงใด แต่ด้วยใจรักงานดีไซน์ สาวนุ่นก็เปิดบริษัทดีไซน์เตรียมพร้อมไว้แล้ว

“นุ่นเปิดบริษัทดีไซน์อยู่แล้ว ชื่อบริษัท Goodnoonday ทำคนเดียวไม่ได้หุ้นกับใคร แต่ยังไม่ได้เริ่มทำจริงจัง เพราะตั้งแต่เรียนจบมา (ปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ก็ถ่ายละคร ทำโน่นทำนี่อยู่ เป็นงานในวงการบันเทิง ร้านนี้ถือเป็นลูกค้ารายแรกของตัวเอง ที่ผ่านมาก็ดีไซน์เฉพาะที่บ้านของตัวเอง หลังจากนี้ถ้างานน้อยลงคงจะหันมาทำงานด้านดีไซน์มากขึ้น ซึ่งถ้าใครจะมาจ้างคงต้องคุยกันก่อน เพราะนุ่นว่าเขายังไม่เคยเห็นงานนุ่นเลย”

สำหรับธุรกิจร้านอาหารที่ไปได้ดีนั้น นุ่นยอมรับว่า “ความเป็นดารามีส่วนอยู่แล้วเพราะคนเข้ามารู้จักว่านี่ร้านนุ่น หรือมาเพราะข่าว ได้ดูก็มีส่วน อย่างไรก็ตาม ในที่สุดร้านอาหารไม่ได้ขายความเป็นดารา มันต้องขายคุณภาพและรสชาติอันดับหนึ่ง ถ้าเกิดมาแล้วไม่ประทับใจ ไม่อร่อยไม่ชอบ ร้านนั้นก็จะอยู่ไม่ได้”

นับเป็นนางเอกสาวที่นอกจากจะมีผลงานการแสดงอยู่ในระดับแถวหน้าแล้ว ยังมีความรู้ความสามารถในเรื่องงานดีไซน์อีกต่างหาก ต่อไปเชื่อว่าคงมีลูกค้ามาใช้บริการกันเป็นแถว แต่ตอนนี้ถ้าใครอยากจะดูผลงานด้านการตกแต่งก็ต้องไปแวะชมที่ร้าน FRESH BOXX กันก่อน แล้วจะรู้ว่าสาวนุ่นนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

................

สาวิตรี น้อยพจนา

“เรียนจบครัวและภัตตาคารมาจากวิทยาลัยดุสิตธานี เคยทำครัวเย็นมาก่อนที่ร้านอาหารของรุ่นพี่ในกรุงเทพฯ และตอนมาเรียนที่สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์ วัดธรรมมงคล ได้มาเจอกับนุ่น

ราคาสลัดเริ่มต้น 69 บาทนั้น เป็นสลัดผักธรรมดาๆ แต่ถ้าจะใส่ท็อปปิ้งหน้าต่างๆ จะต้องเพิ่มเงิน ซึ่งมีท็อปปิ้งให้เลือกจำนวนมาก อย่างเช่น ทูน่า เห็ดออรินจิย่าง เบคอน แซลมอน และกุ้ง ส่วนพาสต้าก็มีสควิดอิงก์ซอสที่ใช้หมึกสด และมีรสเผ็ดจากพริกแห้ง ซึ่งเราพยายามเน้นของสด แล้วก็ยังมีพาสต้าครีมมี่ไข่กุ้ง

สลัดรสจัดจ้านนั้นเป็นสูตรของที่ร้าน ออกรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ เน้นอร่อย ถ้าจะลดความอ้วนจะเป็นน้ำสลัดบัลซามิก ซึ่งจะมีส่วนผสมของน้ำส้มบัลซามิก มีโอลีฟออยล์ และกระเทียม เพื่อสุขภาพ

พวกน้ำสลัดทุกอย่างทางร้านจะทำเอง เราเลือกใช้ของดี มีคนถามว่าทำน้ำสลัดขายไหม ตอนนี้คงไม่เพราะคอสต์น้ำสลัดเราสูง เราเลยไม่ได้ทำขาย ถ้าขายจะแพง เพราะใช้โอลีฟออยล์ ใช้เอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น บางที่ใช้ของถูก เป็นปี๊บๆ ร้านเราทำในแบบที่ว่าเหมือนเราทานอะไรไปก็ทำอย่างนั้นขาย ขายแบบเอาสนุก ไม่ได้หวังกำไรเยอะ เน้นขายปริมาณมากกว่า ให้ลูกค้าสั่งเยอะ ไม่ได้คิดว่า 1 จานจะได้กำไรเยอะ ให้เป็นราคาที่อยู่กันได้ทั้งลูกค้าและทางร้าน

ท็อปปิ้งที่ลูกค้าสั่งจะเฉลี่ยคละๆ กันไป แต่ส่วนมากจะสั่งเห็ดย่าง ที่นี่จะให้เยอะเป็นเห็ดออรินจิย่างแค่ 20 บาท แต่ต่อไปจะปรับขึ้น ท็อปปิ้งนี้ถือว่าถูกที่สุด และให้เยอะ

ช่วงที่ลูกค้าเข้ามาเยอะคือ 5 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม ลูกค้าจะเป็นนักศึกษามหิดลและคนแถวนี้ จะมีหน้าใหม่มาบ้าง ส่วนมากจะมาวันเสาร์วันอาทิตย์ เหมือนมาลองทาน ที่ผ่านมาลูกค้าก็มีซื้อกลับบ้านด้วยเพราะเขาขี้เกียจรอ ผู้ปกครองบางคนมารับลูกหลานก็ซื้อกลับไปบ้าน

ปัญหาที่ลูกค้าบ่นคือ โต๊ะไม่พอ อาหารมาช้าเพราะบางทีมาเยอะ เพราะตอนแรกเราตั้งใจให้เป็นคอมมูนิตี้เล็กๆ นักศึกษามานั่งทาน ครอบครัวมานั่งทานกัน

ตอนนี้แม้ที่นั่งไม่พอ แต่ยังไม่คิดจะขยายต้องดูอีกสักปีสองปี อาจจะเข้าเมืองบ้างต้องดูกันไป

ลูกค้ามักถามว่า เมื่อไหร่นุ่นจะมา ก็บอกไปว่านุ่นมีงานละครเวทีต้องเตรียมตัว ที่ผ่านมาถ้านุ่นมีเวลาจะปลีกมาบ้าง บางคนเจอแจ็กพอตนุ่นมาร้านพอดี ถ้าช่วงก่อนหน้านี้ระหว่างละครออนแอร์ ถ่ายเสร็จไปแล้ว ไม่มีละครเวทีนุ่นจะมาช่วยตลอด ว่างเมื่อไหร่ก็มาช่วยเสิร์ฟ เก็บจานชาม ตัดหญ้าเม็กซิกัน เขาทำหมดเลย เป็นแจ๋ว (หัวเราะ)

นอกจากนี้ ลูกค้ามักถามของที่นำมาตกแต่งร้าน ชิ้นนี้ชิ้นนั้นซื้อที่ไหน ทำอย่างไร บางอย่างเราทำกันเอง อย่างโคมไฟก็ทำกันเอง ใช้กรงไก่มาทำแล้วชุบสีน้ำมัน นุ่นออกแบบ ดิฉันเป็นคนตัดสินใจว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน

หลังจากเปิดร้านมีคนมาชวนว่าจะไปเปิดที่ไหนอีก จะเอาหุ้นเพิ่มไหม แต่ตอนนี้เรายังไม่เพิ่มไม่ขยาย มีกันแค่ 2 หุ้น
เท่าที่เปิดร้านมา 2 เดือนกว่า ตอนนี้ถือว่าอยู่รอดแล้ว คือมีเงินจ่ายค่าเช่า จ่ายพนักงาน มีเงินซื้อของ มีกำไรบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเต็มที่เพราะเราใช้ของดี เวลาไปช็อปทีเป็นหมื่นเลย

ขอแนะนำว่า ถ้าจะมาทานที่ร้าน ขอให้ทยอยกันมาก็ดี ถ้ามาครอบครัวใหญ่ 10 กว่าคนพร้อมกัน ทำไม่ทัน เพราะเราเป็นร้านเล็กๆ ด้านนอกก็มีโต๊ะนั่ง แต่ตอนนี้หน้าฝน พอฝนตกลูกค้าก็เข้ามานั่งข้างใน โต๊ะข้างในก็เต็ม ไม่พอ ถ้ามาครอบครัวละ 3-4 คน จะได้นั่งโต๊ะเร็ว แต่ถ้ามาเป็นสิบคนอาจจะต้องรอโต๊ะนานกว่าจะต่อโต๊ะได้”

ที่มา : มติชนออนไลน์

Indigoskin ยีนส์แบรนด์ไทย

indigoskin      "ธัชวีร์ สนธิระติ" ผู้ก่อตั้งแบรนด์ "INDIGOSKIN" ชื่อนี้มาจาก "Indigo" ที่หมายถึง สีครามน้ำเงินของยีนส์ และ Skin ที่หมายถึงผิวหนัง เจ้าของแบรนด์เชื่อว่า"ผู้ที่เครซี่ ยีนส์จะเป็นผิวหนัง ไม่ใช่แค่กางเกง"
       เขาเป็นคนบ้ายีนส์และติดอินเทอร์เน็ต หมดเงินกับยีนส์ต่างประเทศไปไม่น้อย วันหนึ่งก็เกิดความคิดว่า "ทำไมเราไม่มียีนส์ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย เอาลายกนกมาใส่ ที่ทำยังไงให้ดูไม่เชย"
       ไวเท่าความคิดตามประสาคนรุ่นใหม่ ธัชวีร์ทดลองสั่งผ้ายีนส์ Kaihara ที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นมาหนึ่งล็อต เพื่อนำมาตัดเย็บมิกซ์กับผ้าโขมพัสตร์ที่มีชื่อเสียงของไทย เขาออกแบบกระดูกในคอนเซ็ปต์ "ทอง นาก เงิน" มีดีไซน์เป็นลายกนกประยุกต์ที่กระเป๋าหลัง ตัดเย็บเสร็จก็นำไปโพสต์ที่ "Soul4street.com"
       ด้วยเรื่องราวที่มีและวัตถุดิบที่ใช้ ไม่นานเขาก็มี Pre-Order จากผู้สนใจ ทำมา 126 ตัวแรกในโลก ปัจจุบัน Sold Out ด้วยราคาตัวละร่วมห้าพันบาท เขาจึงเริ่มซีรีส์ที่สอง นำผ้า จิม ทอมป์สัน มามิกซ์กับผ้ายีนส์ Japanese Dry Selvage ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ทำให้ตอนนี้ INDIGOSKIN มีแฟนคลับกลุ่มย่อยๆ ในอินเทอร์เน็ตจากการเริ่มต้นแบรนด์นี้มาเพียง 8 เดือน (หาเบาะแสแบรนด์นี้ได้จากการเสิร์ชหาใน Google)
       สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ INDIGOSKIN ก็คือ การสร้างแบรนด์จาก Website Community การเริ่มต้นสร้างฐานแฟนคลับในจุดเล็กๆ มี Pre-Order แล้วค่อยผลิตจริง ผู้ขายกับผู้ซื้อพัฒนาความสัมพันธ์และศรัทธาผ่าน Social Network จุดนี้ผลักดันให้แบรนด์ของตัวเองค่อยๆ แข็งแรงขึ้นมา โมเดลลักษณะนี้เหมาะสมกับยุคสมัยนี้มากครับ ถ้าใครสักคนอยากลุกขึ้นมาประดิษฐ์อะไรให้โลกเห็น

ที่มา : manager online

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพ เดือนตุลาคม 2555

วันนี้ หยิบเอาตารางหลักสูตรฝึกอาชีพของศูนย์มติชน สำหรับในเดือนตุลาคม 2555 นี้มาฝากค่ะ เป็นหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น ใช้เวลาอบรมเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น คุณก็มีความรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้แล้ว น่าสนใจใช่ไหมล่ะคะ ราคาค่าคอร์สอบรม ก็ไม่เกิน 3000 บาท เป็นราคาที่ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ฝึกอาชีพ ตุลาคม2555
ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพมติชน ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ
แผนที่ศูนย์อาชีพมติชม
สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน มีความสุข ร่ำรวยทุกท่านนะคะ
ที่มา : http://www.matichonacademy.com/

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพกับมติชน เดือนกันยายน 2555

วันนี้ หยิบเอาตารางหลักสูตรฝึกอาชีพของศูนย์มติชน สำหรับในเดือนกันยายน 2555 นี้มาฝากค่ะ เป็นหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น ใช้เวลาอบรมเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น คุณก็มีความรู้สามารถนำไปประกอบอาชีพได้แล้ว น่าสนใจใช่ไหมล่ะคะ ราคาค่าคอร์สอบรม ก็ไม่เกิน 3000 บาท เป็นราคาที่ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างยิ่งค่ะ

ฝึกอาชีพ กันยายน

ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพมติชน ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ

_thumb2
สุดท้ายนี้ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน มีความสุข ร่ำรวยทุกท่านนะคะ
ที่มา : http://www.matichonacademy.com/

วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Print 4 Idea - ตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติ

เพียงระยะเวลาแค่ปีเศษ ตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติ ภายใต้แบรนด์ ‘Print 4 Idea’ กลายเป็นหนึ่งในอาชีพที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุด เพราะไม่เพียงแค่เป็นสินค้าที่ดีไซน์เก๋ สะดุดตา และแหวกแนวกว่าตุ๊กตาอื่นๆ ทั่วไป แต่ยังสร้างรายได้ให้แก่นักลงทุนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยตุ๊กตาแต่ละชนิด สามารถขายทำกำไรได้สูงกว่า 200% และที่น่าสนใจคือ คุณสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ ตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติ นี้ได้ด้วยเงินลงทุนเพียงแค่หลักหมื่นเท่านั้น

เข้าใจตลาด ก่อเกิดธุรกิจแฟรนไชส์ที่มั่นคง

                ตุ๊กตาหน้าเด้งจมูกโด่ง 3 มิติ ที่กำลังฮอตฮิตอยู่ในประเทศไทยนี้ และสร้างความมั่นคงให้แก่นักลงทุนมานักต่อนักแล้วนั้น เกิดจากแนวคิดสร้างสรรค์ของ คุณจิตรานันท์ (มอลลี่)- คุณอรรณพ สุชาติสุนทร ที่มองเห็นโอกาสทองของธุรกิจนี้ก่อนใคร

คุณจิตรานันท์ (มอลลี่)- คุณอรรณพ สุชาติสุนทร

               ทั้งนี้ คุณมอลลี่ ย้อนถึงที่มาของธุรกิจตุ๊กตา 3 มิติ Print 4 Idea ว่า ก่อนหน้าเคยไปเที่ยวที่เกาหลี แล้วเห็นตุ๊กตาจมูกโด่งหน้า 3 มิติแบบนี้ ก็รู้สึกว่าแปลกน่ารักดี แต่ก็ยังไม่มีแนวคิดที่จะทำ จนมาเมื่อมีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศจีนเมื่อช่วงปี 2553 ช่วงปีใหม่  แล้วมีโอกาสได้ไปเห็นเครื่องทำตุ๊กตา 3 มิตินี้ จึงลองเรียนแล้วซื้อเครื่องกลับมาทดลองทำที่บ้าน

               แม้จะซื้อเครื่องทำหน้าตุ๊กตาสำเร็จรูปมาจากจีน แต่คุณมอลลี่ เปิดใจว่าก็ต้องมีการนำมาปรับพัฒนาอยู่มากพอสมควร  จนได้วิธีทำที่รวดเร็วและง่าย และเราก็ยังคิดพัฒนาโมลด์ขึ้นมาใหม่ที่ไม่เหมือนใครในโลก นั่นคือ โมลด์หน้าเอียง 45 องศา และต่อมา ก็มีการพัฒนาทำโมลด์หน้าสุนัข เพื่อเอาใจคนรักสุนัข

                โดยเริ่มทำตุ๊กตา 3 มิติ จำหน่ายในร้าน So Cute ตั้งอยู่ใน ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างล้นหลาม และนี่คือจุดเริ่มต้นทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์อย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการไปลองนำเครื่องเสนอขายที่ร้านกิ๊ฟช็อปตามในห้างและแหล่งช้อปปิ้งต่างๆ  และมีการโปรโมทในเว็บไซต์ ซึ่งถ้าเสิร์ชหาคำว่าตุ๊กตา 3 มิติ จะพบว่ามีเราเจ้าแรก และเจ้าเดียวเท่านั้น

พัฒนา ดีไซน์ตุ๊กตาหน้าเด้งอยู่เสมอ Print 4 Idea จึงโดดเด่นและแตกต่าง

หลังจากที่ลูกค้าแฟรนไชส์เริ่มให้ความสนใจมาก คุณมอลลี่ก็คิดที่จะพัฒนารูปแบบของธุรกิจให้ดีและชัดเจนมากขึ้น คือจากเดิมที่ขายเพียงแค่เครื่องและตุ๊กตา ก็เริ่มคิดพัฒนาธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าแฟรนไชส์สามารถทำธุรกิจได้ง่ายและสะดวกขึ้น โดยนำประสบการณ์การเปิดร้านกิ๊ฟช็อปของตนเองมาประยุกต์ ว่าการเปิดร้านหรือทำธุรกิจนี้จะต้องใช้อุปกรณ์เครื่องมืออะไรบ้าง ใช้หลักแทนใจเขาใจเรา ซึ่งเราก็มอบสิ่งจำเป็นสำหรับการทำธุรกิจนี้ให้กับลูกค้า

จนถึงวันนี้ลูกค้าไม่เพียงแค่ได้รับเครื่องทำหน้าตุ๊กตา 3 มิติ ที่มีคุณภาพสูงที่กล้ารับประกันเครื่องนานถึง 3 ปี ในขณะที่ทั่วไปรับประกันเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น พร้อมกับได้รับตุ๊กตาในรูปแบบต่างๆ แต่ยังจะได้รับอุปกรณ์ทุกอย่างที่ช่วยให้สามารถเปิดร้านทำธุรกิจให้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ยิบย่อยไปจนถึงเครื่องพริ้นเตอร์ ทางร้านมีเตรียมไว้ให้พร้อมทุกอย่าง จนเรียกได้ว่า มีเพียงคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวก็เปิดทำธุรกิจตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติ Print 4 Idea ได้อย่างสบาย

ทั้งนี้คุณมอลลี่เผยถึงเคล็ดลับที่ทำให้ธุรกิจให้สามารถเติบโต  และมีแฟรนไชส์มากมายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น เนื่องจากการดูแลเอาใจใส่ลูกค้า และการพยายามช่วยคิดพัฒนาเพื่อให้ลูกค้าขายสินค้าได้ง่ายและที่ผ่านมาไม่เคยหยุดคิด และดีไซน์สินค้าใหม่ๆ จากเดิมที่นำเข้าตุ๊กตาจากจีนเพียงอย่างเดียว ก็เริ่มคิดว่าควรต้องพัฒนาดีไซน์ให้มีแบบตุ๊กตาที่หลากหลายเพื่อให้ขายได้ง่าย และถูกใจแก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าอีกด้วย

เมื่อคิดจะพัฒนาสินค้าให้ดี ก็ต้องลงมือทำอย่างจริงจัง ดังนั้น คุณมอลลี่ จึงตัดสินใจเดินทางไปประเทศจีนอีกครั้งเพื่อไปหาโรงงานที่ผลิตตุ๊กตาชื่อดังทุกแห่งเพื่อค้นหาแหล่งผลิตที่ดีที่สุด เมื่อได้แหล่งผลิตแล้ว ก็นำดีไซน์ตุ๊กตาในรูปแบบต่างๆ เข้าไปขอเจรจาให้ทางโรงงานนั้นๆ ผลิตให้ ถึงวันนี้อาจจะกล่าวได้ว่า Print 4 Idea มีแบบของตุ๊กตาให้เลือกมากที่สุดในตลาดขณะนี้ และตุ๊กตาแต่ละตัวผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามมาตราฐานโรงงาน ดังนั้นฝีมือการเย็บต่างๆ จึงแตกต่างจากตุ๊กตาที่ทำจากโรงงานเล็ก หรือที่ขายตามร้านค้าปลีกในบ้านเราอย่างชัดเจน จนถึงวันนี้คุณมอลลี่ก็ยังคิดดีไซน์ตุ๊กตาเก๋ๆ ขนาดต่างๆ วัสดุหรือตุ๊กตาแบบไหนที่ไทยเรายังไม่สามารถผลิตได้ เราก็ส่งไปทำที่จีน  แต่ถ้างานไหน บ้านเราทำได้ เราก็ยังไม่ลืมที่จะสนับสนุนแรงงานฝีมือคนไทย อย่างเช่นงานเย็บเสื้อผ้าชุดต่างๆของตุ๊กตาขนาด 14-15 นิ้ว  ปัจจุบันใช้โรงงานตัดเย็บในบ้านเรา เพราะมีฝีมือที่ปราณีตกว่า

เราพยายามคิดดีไซน์แบบตุ๊กตาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเสมอ อย่างตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติในชุดรับปริญญา เราเป็นเจ้าแรกที่คิดทำ ซึ่งขายดีได้รับความนิยมมาก โดยที่สามรถสั่งตัดชุดครุยได้ทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะ ทั่วโลก และมีตุ๊กตาในแบบอื่นๆ อาทิ ชุดเจ้าสาว-เจ้าบ่าว, ชุดประจำชาติต่างๆ ล่าสุดกับตุ๊กตารูปแบบเด็กทารกผู้หญิง-ผู้ชายที่เปิดผ้าอ้อมออกมาเห็นสิ่งน้อยน่ารัก ออกมาเอาใจลูกค้าที่ชอบเรื่องสนุกสนาน, ตุ๊กตาที่สามารถเต้นได้ ส่ายเอวได้ ซึ่งเราทำเป็นเจ้าแรกของโลก ใครเห็นก็อมยิ้มและชอบ ซึ่งลูกค้าเราสามารถนำไปเรียกความสนใจในร้านของตัวเองได้อย่างดี  และ ล่าสุดคือ K pop Mini ซึ่งเป็นตุ๊กตา 3 มิติหน้าคนที่เป็นตุ๊กตาห้อยมือถือที่เป็นพลาสติกทั้งตัว เป็นต้น

ดังนั้นแฟรนไชส์ซี่ มั่นใจได้ว่า ตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติ ของ Print 4 Idea แตกต่างและได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเราไม่เคยหยุดคิดในการพัฒนาดีไซน์ตุ๊กตาใหม่ๆ ที่แปลกๆ ออกมา  ดังนั้นคุณจึงสามารถขายสินค้าได้ตลอดเวลา ทุกเทศกาล ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าแน่นอน และเราก็เป็นเจ้าเดียวในโลกที่มีจำหน่ายตุ๊กตา 3 มิติ ตั้งแต่ 6 ซม. จนถึง 150 ซม!

คุ้มค่า คุ้มเวลา คุ้มทุน สร้างกำไรได้กว่า 200%

                การให้คำปรึกษาลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ คุณมอลลี่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะดูแลแฟรนไชส์ซีเหมือนคนในครอบครัว เราจะมีเว็บไซต์www.print4idea.com ที่คอยอัพเดทข้อมูลให้แก่ลูกค้าตลอด หากลูกค้ามีข้อสงสัย หรือติดขัดเรื่องใดก็สามารถเมล์เข้ามาถาม หรือโทรศัพท์เข้ามาได้ตลอด

ส่วนในแง่ของความคุ้มค่าในการทำธุรกิจ ขึ้นอยู่กับขนาดของสินค้า คือถ้าเป็นตุ๊กตาไซส์ใหญ่ ก็จะสามารถขายได้ในราคาที่ดี แต่โดยปกติแล้วไม่ว่าจะขายสินค้าตุ๊กตาหน้าเด้งในรูปแบบดีไซน์ใดก็ตาม กำไรที่ได้โดยเฉลี่ยจะได้มากกว่า 200% ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก ตัวอย่างเช่น ตุ๊กตาขนาดที่ขายดีที่สุดคือ ขนาดพวงกุญแจ ราคาปลีก 199.- โดยที่ต้นทุนแค่ 65.- ถ้าขายเล่นๆ เป็นงานเสริม วันละ 5 ตัว ลูกค้าจะได้กำไรถึงเดือนละ 21,000.-  ถ้าขายวันละ 10 ตัว ลูกค้าจะได้กำไรเดือนละ 42,000.- แต่ในความเป็นจริง ลูกค้าจะขายได้มากกว่านี้ เพราะตุ๊กตาเรามีให้เลือกหลายขนาด หลายแบบ ยิ่งตัวใหญ่ขึ้น ยิ่งสร้างกำไรมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ลงทุนได้มากหลายหมื่นบาทต่อเดือน บางรายมีหลายได้เดือนเป็นแสน

การทำหน้าเด้ง 3 มิติ ใช้เวลาทำเพียงแค่ 3-5 นาทีเท่านั้น และขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่ตกแต่งรูปใบหน้าของลูกค้าและสั่งพิมพ์ออกมา จากนั้นนำมาใส่เครื่องทำหน้าเด้ง แค่นี้ก็จะได้ใบหน้าคน 3 มิติ สำหรับใส่ในตุ๊กตาแล้ว

ทางบริษัทฯ มี Catalog ตุ๊กตา 3 มิติ ให้ด้วย ซึ่งจะช่วยประหยัดในการลงทุนสต็อกสินค้าได้มากมายทีเดียว ในการสั่งซื้อสินค้านั่นจะทำผ่านทางอีเมล์หรือ Fax เท่านั้น เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด เนื่องจากทางร้านมีตุ๊กตาหลายแบบ หลายรูปทรงเป็นพันแบบ ดังนั้นเพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย

โดยระบบการสั่งซื้อตุ๊กตา หรือเครื่องมือต่างๆ นั้น ทาง Print 4 Idea ได้มีการทำระบบไว้อย่างเดียว โดยลูกค้าสั่งซื้อสินค้าวันนี้ ภายในพรุ่งนี้ทางบริษัทฯ ก็จะทำการจัดส่งไปให้โดยผ่านทางไปรษณีย์ หรือขนส่งเอกชน และที่สำคัญ เมื่อสั่งซื้อตุ๊กตาครบ 2,000 บาท ก็จะจัดส่งให้ฟรีทั่วประเทศ และไม่มีการเรียกเก็บค่าแฟรนไชส์รายปี

สำหรับใครที่สนใจแต่ไม่มีความรู้ในเรื่องของการตกแต่งรูปภาพนั้น ก็ไม่มีปัญหา เพราะ Print 4 Idea มีซีดีเป็นรูปแบบคลิปวีดีโอ สอนวิธีการแต่งภาพ และกระบวนการทำหน้าเด้งทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ดังนั้นขอเพียงแค่ใช้คอมพิวเตอร์เป็น ไม่ต้องมีทักษะในการตกแต่งรูป ก็สามารถเปิดร้านให้บริการลูกค้าได้อย่างง่ายดาย 

พร้อมกันนี้ในซีดียังมีข้อมูลสอนเคล็ดลับในการตั้งราคา ไปจนถึงเทคนิคการจัดหน้าร้านให้ดูน่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าอีกด้วย เพราะจากประสบการณ์ในการทำธุรกิจกิ๊ฟช็อป จึงรู้ว่าการทำธุรกิจนี้ให้ประสบความสำเร็จต้องมีองค์ประกอบใดบ้าง และก็อยากส่งมอบความรู้ประสบการณ์เหล่านั้นให้กับแฟรนไชส์ซีของ Print 4 Idea ทุกคน เพราะอยากให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจไปพร้อมๆกับ Print 4 Idea

ที่มา : smesreport

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพกับ คม ชัด ลึก สิงหาคม 2555

มาแล้วค่ะ กับคอร์สฝึกอาชีพสำหรับเดือนสิงหาคม เงินลงทุนของท่านเพียงไม่กี่พันบาทอาจสร้างรายได้เรือนแสนได้นะคะ สำหรับเดือนนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่ะ

4 สิงหาคม 2555

หลักสูตร การทำขนมเค้ก ช็อคโกแลตหน้านิ่ม เค้กบูลเบอรี่ และท๊อฟฟี่เค้ก1,819 บาท/ท่าน

4 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง 9 อย่าง-ข้าวคลุกกะปิ1,284 บาท/ท่าน

5 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ทาโกะยากิ-ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น--พิซซ่าญี่ปุ่น-ผักดองกิมจิ1,284 บาท/ท่าน

5 สิงหาคม 2555

หลักสูตร เครปเย็น หน้าครีมสด ผลไม้1,284 บาท/ท่าน

18 สิงหาคม 2555

การเพาะถั่วงอกคอนโดและถั่วงอกสมุนไพรพร้อมเที่ยวชมไร่สานฝัน จ.ลพบุรี1,819 บาท/ท่าน

18 สิงหาคม 2555

หลักสูตร กุยช่าย 4 ไส้ (กุยช่าย-เผือก-หน่อไม้-มันแกว)1,284 บาท/ท่าน

18 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ1,284 บาท/ท่าน

19 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูแผ่น1,284 บาท/ท่าน

19 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ส้มตำทอด ส้มตำปูม้า-ทะเล-ผลไม้ และไก่ย่างสมุนไพร1,284 บาท/ท่าน

25 สิงหาคม 2555

หลักสูตร เทคนิคการปลูกพืชไฮโดรโพนิกส์ เพื่อธุรกิจกับยุทธศักดิ์ไฮโดรฟาร2,568 บาท/ท่าน

25 สิงหาคม 2555

หลักสูตร อาหารไทย-อีสาน รสแซ่บ 15 อย่าง1,284 บาท/ท่าน

25 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ข้าวเหนียวมูล 4 สี 3 หน้า ( กุ้ง-ปลาแห้ง-สังขยา)1,284 บาท/ท่าน

26 สิงหาคม 2555

หลักสูตร ซาลาเปาแช่แข็งไส้ไก่ฮ่องเต้-พิซซ่า-ครีม และขนมจีบปู1,819 บาท/ท่าน

26 สิงหาคม 2555

หลักสูตร เต้าหู้นมสด-เต้าฮวยน้ำขิง1,284 บาท/ท่าน

ทุกหลักสูตรรับเพียง 25 ท่านเท่านั้น

ติดต่อสอบถามโครงการ "คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ"

โทร. 02-338-3356-57, แฟกซ์ 02-338-3942

ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพ ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ

แผนที่เดินทางสถานที่จัด คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ

ที่มา : คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ

วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“มหกรรมชุมทางอาชีพ ครั้งที่ 2” (The Best SMEs 2012) 22-24 มิถุนายน 2555

นิตยสารชุมทางอาชีพ จับมือกับเหล่าพันธมิตร เนรมิตลานอเนกประสงค์ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ให้กลายเป็น “มหกรรมชุมทางอาชีพ ครั้งที่ 2” (The Best SMEs 2012) สำหรับผู้ที่ต้องการมองหาอาชีพแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร

ทางนิตยสารชุมทางอาชีพ ได้ร่วมกับพันธมิตรนักธุรกิจหน้าเก่าและหน้าใหม่ จัดงาน “มหกรรมชุมทางอาชีพ ครั้งที่ 2” ในคอนเซ็ปต์ ธุรกิจที่น่าลงทุนให้เข้ากับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน โดยภายในงานพบกับธุรกิจชั้นนำสาขาต่างๆ พร้อมเสิร์ฟให้ได้ชอป ชม ชิม รวมถึงบูทแสดงสินค้าต่างๆ มากมาย ที่สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจกันแบบง่ายๆ เช่น ธุรกิจเครื่องสำอาง ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ธุรกิจแฟรนไชส์น่าลงทุนต่างๆ

มหกรรมชุมทางอาชีพ 2012

สำหรับผู้ที่สนใจมองหาอาชีพหลัก อาชีพเสริม หรืออยากมีอาชีพแต่ไม่รู้จะตั้งต้นอย่างไร และไม่รู้ว่าอยากจะขายอะไร แล้วจะทำอย่างไร ก็มีกิจกรรมที่ตอบสนองผู้ที่ต้องการมีอาชีพ หรือต้องการมีรายได้เพิ่มได้อย่างครบวงจร และสามารถเข้าร่วมงานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ภายในงานมีการฝึกอาชีพให้ผู้สนใจฟรีหลายสาขาวิชา ตอบปัญหาธุรกิจ SMEs ที่เสิร์ฟพร้อมกับสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SMEs จากสถาบันการเงินชั้นนำ พบกับกิจกรรรมสัมมนาเสริมความรู้จากกูรูด้านการตลาด และชมกิจกรรมการแสดงจากศิลปิน ดารา และดีเจชื่อดัง และเพื่อประกาศศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง

    งาน “มหกรรมชุมทางอาชีพ ครั้งที่ 2” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน 2555 ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ถนนรามอินทรา กม.10สนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ สำนักพิมพ์ นีออนบุ๊ค มีเดีย โทร. 0-2517-7265 และ 08-1455-9096

ประกาศ ประกาศ “มหกรรมชี้ช่องรวย 2012” ใกล้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

“มหกรรมชี้ช่องรวย 2012” งานที่รวบรวมโอกาสธุรกิจครบถ้วนไว้ในงานเดียวกัน ทั้งแหล่งเงินทุน แฟรนไชส์เจ้าดัง และความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมอบรมอาชีพฟรีในงาน

งานนี้ ถูกจัดขึ้นเพื่อให้เป็นมหกรรมสร้างโอกาสธุรกิจครบวงจร ช่วยกระตุ้นการจ้างงานและสร้างผู้ประกอบการใหม่ โดยจัดระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2555 นี้ ณ เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ

Logo มหกรรม 2012

ภายในงานประกอบด้วย กิจกรรมจับคู่ธุรกิจ พร้อมด้วยการออกบูทของสถาบันการเงินและหน่วยงานที่ช่วยสนับสนุน SMEs เช่น ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นต้น รวมถึง มีความช่วยเหลือสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ภายใต้โครงการคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย นอกจากนั้น มีจัดเปิดอบรมอาชีพฟรี ดยมีผู้แสดงความสนใจลงทะเบียนล่วงหน้าเข้าร่วมงานมากกว่า 3,000 รายแล้ว

       นอกจากนั้น มีการออกบูทธุรกิจและแฟรนไชส์กว่า 250 บูท ได้แก่ อโรม่ากรุ๊ป, ซีพี ออลล์ , ฟอลคอน, เครื่องซักผ้านาโน , Bento Web , สถานีเห็ด , ชมพูดัง, เอกดำรงค์ มาร์เก็ตติ้ง, ริมทางข้าวมันไก่ตอน, โจ๊กแต้จิ๋ว, ปราบขยะรีไซเคิล,ไอศกรีมดอกไม้, เอเชีย ฟอเรสต์, กิตติวัฒนา, ไลอ้อน ทรีสตาร์, บอดี้แคร์ รวมกว่า 8 หมวดหมู่ธุรกิจ

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพกับ คม ชัด ลึก พฤษภาคม 2555

มาแล้วค่ะ กับคอร์สฝึกอาชีพสำหรับเดือนพฤษภาคม เงินลงทุนของท่านเพียงไม่กี่พันบาทอาจสร้างรายได้เรือนแสนได้นะคะ สำหรับเดือนนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่ะ

12 พฤษภาคม 2555

ข้าวเหนียวมูล 4 สี หน้ากุ้ง-ปลาแห้ง-สังขยา(1,284 บาท/ท่าน)

12 พฤษภาคม 2555

ปาท่องโก๋-ซาลาเปา สูตรไม่อมน้ำมัน+น้ำเต้าหู้(1,284 บาท/ท่าน)

13 พฤษภาคม 2555

ซาลาเปาแช่แข็งไส้ไก่ฮ่องเต้-พิซซ่า-ครีม และขนมจีบปู(1,284 บาท/ท่าน)

13 พฤษภาคม 2555

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น-ทาโกะยากิ-พิซซ่าญี่ปุ่น-ผักดองกิมจิ(1,284 บาท/ท่าน)

19 พฤษภาคม 2555

ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูแผ่น(1,284 บาท/ท่าน)

19 พฤษภาคม 2555

ส้มตำทอด-ส้มตำปูม้า-ส้มตำทะเล-ไก่ย่างสมุนไพร(1,284 บาท/ท่าน)

20 พฤษภาคม 2555

หมูสะเต๊ะ-หมูย่าง พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด(1,284 บาท/ท่าน)

20 พฤษภาคม 2555

กุยช่ายตลาดพลู 4 ไส้ (ไส้เผือก-หน่อไม้-มันแกว-กุยช่าย)(1,284 บาท/ท่าน)

26 พฤษภาคม 2555

น้ำพริกชาววัง (ไตปลาเสวย,ตาแดงมะม่วง,แมงดามะม่วง-แห้ง,พริกขิงปลาฟู)(1,284 บาท/ท่าน)

26 พฤษภาคม 2555

อาหารอีสาน 15 อย่าง(1,284 บาท/ท่าน)

27 พฤษภาคม 2555

ไก่ทอดหาดใหญ่-ไก่ย่างทรงเครื่อง (ฆอแระ) สูตรโบราณดั้งเดิม(1,284 บาท/ท่าน)

27 พฤษภาคม 2555

น้ำสลัดแฟนซีเพื่อสุขภาพ(1,284 บาท/ท่าน)

ทุกหลักสูตรรับเพียง 25 ท่านเท่านั้น
ติดต่อสอบถามโครงการ "คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ"
โทร. 02-338-3356-57, แฟกซ์ 02-338-3942
ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพ ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ
แผนที่เดินทางสถานที่จัด คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ
ที่มา : คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

รวยด้วยของทอด

อาหารทานเล่นจำพวก “ของทอด” ส่วนใหญ่แล้วการทำไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ขายได้ ยิ่งช่วงเทศกาลถือศีลกินเจด้วยแล้ว บางร้าน “ทอดขายกันแทบไม่ทัน” ซึ่งมีอะไรที่น่าสนใจในเชิงอาชีพกับความง่ายของการทำอาหารจำพวกนี้ขาย? วันนี้ทีมงาน “ช่องทางทำกิน” มีสูตร-ข้อมูลมานำเสนอ
ทิพย์ สุขดี หรือ ป้าทิพย์ อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของร้าน เต้าหู้ทอด สามย่าน ซึ่งทอดขายมานาน 30 ปีแล้ว โดยเจ้าตัวเล่าว่า เริ่มต้นอาชีพนี้ด้วยการช่วยน้องสามีขายที่ย่านศาลาแดง ต่อมาเขาเลิกขาย ก็เลยขายเอง แต่ทำเลที่เดิมค่าเช่าแพงขึ้น ลูกชายจึงหาที่ใหม่ให้เมื่อปี 2542 ก็ทอดขายมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันก็ 8 ปีมาแล้ว
สูตรทุกอย่างป้าทิพย์บอกว่า อาศัยจากประสบการณ์ที่ได้ช่วงที่ช่วยน้องสามีอยู่ และเมื่อมาเปิดร้านของตนเอง ก็ดัดแปลงจนเป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง จนมีลูกค้าประจำติดใจในรสชาติจนถึงทุกวันนี้
ของทอด
นอกจากที่ร้านนี้จะขายเต้าหู้ทอดเป็นตัวชูโรงแล้ว ก็ยังมี เผือกทอด, หัวไชเท้าทอด, ข้าวโพดทอด, เปาะเปี๊ยะทอด ขายด้วย เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า เพื่อไม่ให้สินค้าซ้ำซากจำเจ กับขั้นตอนการทำ เริ่มที่ “เต้าหู้ทอด” ก็ไม่ยาก แค่ไปสั่งซื้อเต้าหู้จากตลาด ซึ่งเต้าหู้ที่ใช้ประจำนั้นจะเป็น “เต้าหู้เหลือง” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เต้าหู้กระดาน” ราคากระดานละ 90 บาท แต่ละวันจะใช้ประมาณ 4-5 กระดาน นำมาตัดเป็นชิ้น ๆ ขนาดยาวประมาณ 3 นิ้ว กว้าง 1 นิ้ว เตรียมไว้
สำหรับของทอดชนิดอื่น ๆ ป้าทิพย์บอกว่า ถ้าเป็นเผือก และข้าวโพด ใช้ประมาณวันละ 7 กิโลกรัม ส่วนหัวไชเท้า ใช้วันละ 5 กิโลกรัม ขณะที่เปาะเปี๊ยะนั้นไม่ได้ทำเอง ซื้อแบบทำสำเร็จรูปที่พร้อมทอดขายได้เลยมาใช้
ขั้นตอนการทำ ถ้าเป็นเผือกก็ปอกเปลือกให้เรียบร้อย ล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นบั้งเผือกตามแนวขวางรอบ ๆ โดยเผือก 1 หัว บั้งประมาณ 8-9 วง แล้วก็จะใช้ที่ขูดทำการขูดเผือกเป็นเส้น ๆ หากเป็นหัวไชเท้าก็ใช้ที่ไส (คล้ายที่ไสน้ำแข็ง) ไสไปเรื่อย ๆ จนหมดหัว ขณะที่ข้าวโพดดิบนั้นก็ให้ฝานตามฝัก
เต้าหู้ แค่ตัดเป็นชิ้นก็เตรียมทอดได้ ส่วนเผือก หัวไชเท้า และข้าวโพด ต้องผสมแป้ง เกลือ และน้ำด้วย
ขั้นตอนผสมแป้งนั้น ถ้าผสมครั้งละ 1 กะละมังย่อม ๆ ผสมแป้งหมี่ 1 กิโลกรัม ผงฟู (เพื่อให้กรอบ) 1 ช้อนโต๊ะ และเกลือ (เพิ่มรสเค็ม) อีก 1 ช้อนชา คลุกเคล้าให้เข้ากัน ระหว่างที่คลุกนั้นให้ผสมน้ำลงไปด้วย ในปริมาณที่พอดี ๆ อย่าให้เละเกินไป และไม่ข้นจนเกินไป
สำหรับการทอด ตั้งน้ำมันพืชค่อนกระทะ เมื่อน้ำมันร้อนก็ค่อย ๆ หย่อนของที่จะทอดลงไป (เต้าหู้ใส่ลงไปได้เลย ส่วนของอื่น ๆ แบ่งชิ้นด้วยการตักทีละ 1 ช้อนโต๊ะ)
เมื่อใส่ของที่จะทอดลงกระทะแล้ว รีบเร่งไฟให้แรงขึ้นทันที เพื่อที่ของทอดนั้น ๆ จะไม่อมน้ำมัน ใช้เวลาทอดประมาณ 10 นาที ของทอดก็จะเหลือง กรอบ ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ก็นำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน รอขาย
ของทอดที่ร้านป้าทิพย์ทุกอย่าง จะขายในราคา 8 ชิ้น 20 บาท
“ของทอดจะอร่อยไม่ได้ ถ้าขาดน้ำจิ้มที่อร่อยด้วย” ป้าทิพย์บอก ดังนั้น สูตรเด็ดจริง ๆ ของร้านป้าทิพย์ที่ไม่เหมือนใครก็คือ “น้ำจิ้ม” นั่นเอง
ขั้นตอนการทำน้ำจิ้ม แยกทำเป็น 2 ส่วนหลัก
ส่วนแรกคือ นำพริกขี้หนูแดงสดมาปั่นให้ละเอียด เมื่อปั่นเสร็จแล้วให้ใส่เกลือลงไปด้วยเล็กน้อย แล้วใส่ถุงแช่เย็นเอาไว้ แล้วค่อย ๆ ทยอยเอาออกมาทำน้ำจิ้มขาย ซึ่งในแต่ละวันป้าทิพย์จะใช้พริกขี้หนูแดงประมาณ 1 กิโลกรัม
ส่วนที่สองคือ การทำน้ำเหนียว ซึ่งเหมือนกับการทำน้ำเชื่อม โดยเคี่ยวน้ำตาลทรายในสัดส่วน 15 กิโลกรัม ต่อน้ำเปล่า 2 ขัน จากนั้นเคี่ยวให้เหนียว พอใช้ได้แล้วก็ใส่บ๊วยลงไปประมาณ 1 ถุง (ถุงละ 60 บาท)
น้ำจิ้ม 1 ถุงสำหรับขายของทอด 1 ชุด จะประกอบด้วยน้ำเหนียวประมาณ 1 กระบวยครึ่ง พริกปั่น 1 ช้อนชา ถั่วบด เกลือเล็กน้อย และโรยหน้าด้วยผักชี
“ของที่ใช้จะต้องสด ๆ ใหม่ ๆ คือทำไปขายไป ไม่ขายของค้างคืน” คืออีกหนึ่งเคล็ดลับของป้าทิพย์
ใครสนใจที่จะไปลิ้มลองรสชาติสารพัด “ของทอด” สูตรป้าทิพย์ ร้านนี้อยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ หน้าร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น บริเวณแยกสามย่าน ฝั่งถนนพระราม 1 ขายตั้งแต่เวลา 07.00 - 17.00 น.
และนี่ก็คือ “ช่องทางทำกิน” อีกช่องทางหนึ่ง ที่ถึงแม้จะเป็นแค่ “ของทอด” ที่อาจจะดูเป็นสินค้าพื้น ๆ แต่ถ้าฝึกทำจนคล่องแคล่ว ทอดออกมาได้อร่อยอย่างป้าทิพย์คนนี้ ก็สามารถสร้างรายได้ไม่เลวเลยทีเดียว!
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล-โสภนา กิตติรัตน์ชัชวาล
ที่มา : sanook.com

รวยด้วยซูชิ 5 บาท

ยุคนี้คนไทยนิยมรับประทานอาหารญี่ปุ่นกันไม่น้อย รวมถึงอาหารที่เรียกว่า “ซูชิ” ซึ่งก็มีผู้ที่นำเอาซูชิมาใช้เป็น “ช่องทางทำกิน” ได้อย่างน่าสนใจ ดังเช่นรายที่ทางทีมงานจะนำเสนอในวันนี้...

ศรีกาญจนา วงษ์ชื่น เจ้าของร้าน “ซูชิ ชิ้นละ 5 บาท” ทำขายกันใหม่ ๆ ที่ตลาดนัดหลังกระทรวงการคลัง ขายมาเกือบ 1 ปีแล้ว เธอบอกว่า ด้วยความที่ชอบทำสิ่งสวย ๆ งาม ๆ จึงเปลี่ยนจากอาชีพเดิมมองหาอาชีพใหม่ที่เกี่ยวข้องกับความชอบ ก็มีเพื่อนแนะนำให้ขาย “ซูชิ” พร้อมทั้งบอกวิธีทำ และสอนเทคนิคการทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ ซึ่งตนเองก็มีความมั่นใจในความคิดว่าอาหารประเภทนี้ยังพอมีทางไปได้แน่ ๆ แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบก็ตาม หลังจากหาทำเลขายได้แล้ว วันแรกก็ไปซื้อของ วันที่สองนั่งหัดทำที่บ้านทั้งวัน พอวันที่สามจึงออกขายเลย ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าขายหมดตั้งแต่วันแรก
ซูชิ2
เมื่อประสบผลสำเร็จในวันแรก จึงมุมานะพยายามมากขึ้น ด้วยการออกแบบหน้าซูชิต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกเพื่อความหลากหลาย อันเป็นการสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้าแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนร้านมากขึ้น จากเดิมที่หน้าซูชิในระยะเริ่มแรกมีเพียง 8-9 หน้า เมื่อ 8 เดือนผ่านไป หน้าซูชิก็มีเพิ่มขึ้นถึง 30 หน้าแล้ว และเธอก็ยิ่งมีความมั่นใจว่าอาหารประเภทซูชินี้มีอนาคตแน่นอน หากมีฝีมือ และมีทำเลที่ดี

ในแต่ละวัน ศรีกาญจนาจะใช้ข้าวญี่ปุ่น เฉลี่ยวันละ 7 กก. ซึ่งราคาค่อนข้างสูง คือประมาณ 60 บาท/1 กก. ไม่สามารถลดต้นทุนด้วยการใช้ข้าวไทยได้ เพราะร่วน ไม่เหนียว เวลาห่อออกมาแล้วข้าวแตก ไม่เกาะกัน
นอกเหนือจากข้าวแล้ว วัตถุดิบอื่น อาทิ หน้าซูชิต่าง ๆ แผ่นสาหร่าย ซอสญี่ปุ่น วาซาบิ ก็ควรสั่งซื้อจากที่เดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสน

การหุงข้าว หุงด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้าแบบปกติ แต่มีเทคนิคในการเพิ่มรสชาติให้ข้าวไม่จืดชืดด้วยการเติมน้ำซุปสูตรพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย และน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ที่ละลายให้เข้ากัน ราดลงให้ทั่วข้าวหลังจากที่ข้าวสุกแล้ว จากนั้นถ่ายข้าวสุกใส่ในภาชนะพลาสติกสีขาวอย่างดี ตั้งพักไว้ให้ข้าวเย็นลง เพื่อจะได้ไม่ร้อนมือเวลาที่ปั้นข้าว และต่อมาก็จะเป็นการม้วนข้าว ซึ่งจะใช้สาหร่ายแผ่น ขนาดประมาณ 8X5 นิ้ว ในแต่ละวันถ้าใช้ข้าว 7 กก. จะใช้แผ่นสาหร่ายประมาณ 70-80 แผ่น
ซูชิ1
การม้วนข้าวนั้นจะมีอุปกรณ์ตัวช่วย 1 อย่างที่ขาดไม่ได้ คือ แผ่นไม้ม้วนข้าว ทำมาจากไม้ วางแผ่นสาหร่ายลงไปบนแผ่นม้วนข้าว ตักข้าวประมาณ 1 ทัพพีกว่า ๆ ลงไปบนแผ่นสาหร่าย เกลี่ยข้าวให้ทั่ว บีบมายองเนสตามแนวขวางบนแผ่นสาหร่ายด้านบน เพื่อทำหน้าที่เป็นกาวให้แผ่นสาหร่ายติดกันเวลาม้วน จากนั้นม้วนข้าวให้เป็นก้อนกลม ซึ่งการม้วนข้าวนี้กว่าจะม้วนให้ออกมาสวยก็ต้องฝึกกันหน่อย ม้วนแล้วก็ใช้กรรไกรคมกริบตัดข้าวห่อสาหร่ายออกมาเป็นชิ้น ๆ ข้าวห่อสาหร่าย 1 แท่งจะตัดออกมาได้ 8 ชิ้น และข้าวสวย 7 กก. จะม้วนข้าวได้เท่ากับจำนวนสาหร่ายแผ่นที่ใช้ในแต่ละวัน

ต่อมาก็เป็นเรื่องของ “หน้าซูชิ” หน้าหลัก ๆ ที่จำเป็นต้องมีระยะเริ่มต้น มีเพียง 5-6 อย่างเท่านั้น ได้แก่ ไข่กุ้งส้ม 500 กรัม, ยำสาหร่ายเขียว 250-500 กรัม, กุ้งต้ม 100–150 ตัว, ปูอัด 100-150 ชิ้น, ไข่หวาน 500 กรัม, ปลาแซลมอน (ปลาดิบ) และครีมมายอง เนส หากขายแล้วได้กำไร ก็สามารถลงทุนซื้อหน้าเพิ่มได้อีก อาทิ ไข่กุ้งแดง ไข่กุ้งดำ ปลาไหล แมงกะพรุน ฯลฯ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า
หน้าซูชิหลัก ๆ ที่ต้องวางโชว์หน้าร้านแบบขาดไม่ได้มี 8-9 หน้า ได้แก่ หน้ากุ้ง, หน้าปูอัด, หน้าปลาแซลมอน (ปลาดิบ), หน้าไข่กุ้งส้ม, หน้ายำสาหร่ายเขียว, หน้ายำสลัดปูอัด, หน้าสลัดไข่กุ้งส้ม, หน้าไข่หวาน หลังจากนั้นก็เพิ่มความหลากหลายได้ถึง 30 หน้า อาทิ หน้าชีส, หน้าสลัดทูน่า, หน้าแมงกะพรุน, หน้าแฮม, หน้าปลาซาบะ, หน้าก้ามปู, หน้าหอยเชลล์ ฯลฯ โดยขายในราคาชิ้นละ 5 บาท

“ที่ร้านจะทำไปขายไป หากของเหลือก็จะไม่นำมาขายซ้ำอีก และของหมุนเวียนที่ใช้ทุกวันจะซื้อมาตุนคราวละจำนวนมาก ๆ แต่จะต้องให้หมดภายในเวลา 3 วัน” ศรีกาญจนาบอก

การทำหน้าซูชินั้น อารมณ์ต้องเย็น ต้องประณีตเพื่อความสวยงาม ที่สำคัญ ของที่ใช้แต่งหน้าซูชินั้น ต้องทำให้ดูมาก พูน น่าทาน ซึ่งก็ต้องตักเยอะจริง ๆ เมื่อลูกค้าซื้อไปทานแล้ว จะได้คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป
สัดส่วนข้าวในปริมาณดังกล่าว ใช้เงินลงทุนวัตถุดิบรวมวันละประมาณ 3,000-4,000 บาท หากขายหมดจะได้เงินประมาณ 5,000-6,500 บาท ซึ่งล่าสุดกระแสความนิยมอาหารชนิดนี้ก็ยังไม่ตก

ศรีกาญจนา ขาย “ซูชิ ชิ้นละ 5 บาท” เป็น “ช่องทางทำกิน” อยู่ที่ตลาดนัดหลังกระทรวงการคลัง เยื้องกับ 7-11 ทุกวัน เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 07.00-13.30 น. ใครหาร้านไม่เจอก็ โทร. 08-1614-9593.
ที่มา : sanook.com

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรียนฝึกอาชีพกับมติชน พฤษภาคม 2555

หลักสูตรเรียนทำอาหาร ฝึกอาชีพของมติชนประจำเดือนพฤษภาคมค่ะ ท่านผู้อ่านค่าเรียนของหลักสูตรนี้ เริ่มต้นที่ 1500-3000 บาทค่ะ ใช้เวลาการฝึกอบรมเพียงแค่ 1 วัน ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจนั้น ไปดูกันเลยค่ะ




หลักสูตรครัวปฏิบัติการอาหารและเบเกอรี่

สุดยอดน้ำยำ ทำอะไรก็อร่อย
เสาร์ที่ 12 พฤษภาคม 2555
เวลา 10.00-16.00 น.
ราคา 2,999 บาทต่อท่าน

เฟรชครีมชีสมาการอง,สตอรว์เบอร์รี่มิลชีสพุดดิ้ง
อาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม 2555
เวลา 10.00-16.00 น.
ราคา 2,999 บาทต่อท่าน

ชิฟฟ่อนส้ม,เค้กช็อกโกแลต
เสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2555
เวลา 10.00-16.00 น.
ราคา 2,999 บาทต่อท่าน

สตรอว์เบอร์รี่ชอตเค้ก,เมาท์มองบลัง
อาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม 2555
เวลา 10.00-16.00 น.
ราคา 2,999 บาทต่อท่าน

หลักสูตรครัวสาธิต



ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรโบราณ(อยุธยา)เสาร์ที่ 12 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน


ก๋วยเตี๋ยวหมู/เนื้อตุ๋น ซี่โครงหมูตุ๋นอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

กาแฟโบราณและเครื่องดื่มยอดนิยมเสาร์ที่ 19 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน
ขนมครกโบราณ สูตรคาวหวานเสาร์ที่ 19 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

หมูปิ้งเมืองทอง สูตรชุบชีวิตอาทิตย์ที่ 20 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

รวมมิตรลอดช่องสิงคโปร์เส้นสดอาทิตย์ที่ 20 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

ขาหมูเมืองทอง สูตรใส่โอวัลตินเสาร์ที่ 26 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

โจ๊กฮ่องกง/ โจ๊กหมูเสาร์ที่ 26 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน
หมูเส้น, หมูฝอย แถมหมูสวรรค์เสาร์ที่ 26 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

เครปญี่ปุ่นเสาร์ที่ 26 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

ข้าวหมูแดงหมูกรอบ สูตรใส่พริกแกงอาทิตย์ที่ 27 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน

ซ่าหริ่ม ทับทิมกรอบอาทิตย์ที่ 27 พ.ค. 2555
เวลา 09.00 - 15.30 น
ราคา 1,605 บาทต่อท่าน


ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพมติชน ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ

เรียนฝึกอาชีพกับมติชน เมษายน 2555

หลักสูตรเรียนทำอาหาร ฝึกอาชีพของมติชนประจำเดือนเมษาค่ะ ท่านผู้อ่านค่าเรียนของหลักสูตรนี้ เริ่มต้นที่ 1500-3000 บาทค่ะ ใช้เวลาการฝึกอบรมเพียงแค่ 1 วัน ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจนั้น ไปดูกันเลยค่ะ



ส่วนเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์ฝึกอาชีพมติชน ตามแผนที่ข้างล่างนี้เลยค่ะ



วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปลูกข้าวลอยน้ำ การเกษตรแผนใหม่พร้อมรับภัยท่วม

ในช่วงเวลาน้ำท่วมที่ผ่านมา มีหลายคนแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว หมดทั้งเงิน หมดทั้งกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ต่างจากนายสุพรรณ ที่เรียนรู้จะปรับตัวเข้ากับวิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงวิกฤตเป็นโอกาส โดยการใช้พื้นที่น้ำท่วมมาเป็นพื้นที่ปลูกข้าวทดแทน การปลูกข้าวลอยน้ำ เป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ทำให้เกษตรกรสามารถใช้ดำรงชีวิตอยู่กับน้ำ และสามารถทำการเกษตรและมีรายได้เลี้ยงชีพได้ แนวคิดในการปลูกข้าวลอยน้ำ เกิดขึ้นมาจาก นายสุพรรณ เมธสาร เกษตรกร แห่งบ้านสามชุก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี


นายสุพรรณ เป็นเกษตรกรตัวอย่างอีกคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นเกษตรกรที่ไม่หยุดนิ่งในการที่ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ส่งผลให้เขามีความรู้หลายด้าน ปัจจุบัน ยังเป็นวิทยากร อบรมแก่ผู้ที่สนใจเรื่องการปลูกไผ่ การขยายพันธุ์ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่าย ดังนั้น นายสุพรรณ จึงเป็นที่เชื่อถือของเหล่าเกษตรกรในอีกหลายด้าน และด้วยความที่เป็นเกษตรกรนักคิดนี่เอง ทำให้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นายสุพรรณมีแนวคิดที่จะนำข้าวไปปลูกบนน้ำ เนื่องจากเห็นว่า ในแม่น้ำลำคลองมักจะมีผักตบชวา ซึ่งผักตบชวาในแม่น้ำนั้นมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะในแม่น้ำมีธาตุอาหาร แพลงตอน ตลอดจนจุลินทรีย์ต่างๆที่เป็นอาหารของพืช จึงทดลองปลูกข้าวในน้ำ ผลผลิตที่ได้เป็นที่น่าพอใจเลยทีเดียว


นายสุพรรณ เล่าว่า ทดลองปลูกข้าวลอยน้ำ ซึ่งปรากฏว่าได้ผลผลิตจริง และประหยัดต้นทุน วิธีการปลูกข้าวแบบลอยน้ำ ทำให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนเรื่องการเตรียมดิน น้ำมันเชื้อเพลิงและตัดปัญหาการดูแลเรื่องน้ำไปเลย จากการคำนวณพบว่า หากทำแพปลูกข้าวในพื้นที่ 1 ไร่ ผลผลิตที่ได้รับ เฉลี่ย 70 ถัง /ไร่ ซึ่งวิธีนี้จะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จากการเผาและลดการใช้สารเคมีต่าง ๆ ทำให้ลดต้นทุนได้มากวัสดุอุปกรณ์ยังสามารถนำมาใช้ครั้งต่อไปได้


ทั้งนี้ นายสุพรรณยังได้เตรียมการขยายผล เรื่องการปลูกข้าวลอยน้ำ โดยจะใช้ผักตบชวาเป็นฐานซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการทดลองว่าจะได้ผลอย่างไร สำหรับ วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการปลูกข้าวลอยน้ำ ในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ฝากล่องโฟมเก่า ( กล่องโฟมใส่ผลไม้) กระถางพลาสติกสำหรับปลูก ดินเลนสำหรับปลูก เมล็ดพันธุ์ข้าว ลำไม้ไผ่สำหรับทำแพ เชือกฟาง


โดยวิธีการปลูกข้าวลอยน้ำ

1.นำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปเพาะในแปลงเพาะ เหมือนกับการเตรียมกล้าพันธุ์สำหรับดำนาทั่วไป

2.นำลำไม้ไผ่มาทำเป็นกรอบ 4 เหลี่ยม เพื่อทำเป็นแพ ในพื้นที่ๆจะปลูกข้าวลอยน้ำ

3.นำฝากล่องผลไม้( ฝากล่องโฟม ) มาเจาะรูให้มีขนาดเท่ากระถางพลาสติก แต่ให้อุ้มตัวกระถางไว้ได้

4.นำกระถางปลูกใส่ดินเลนให้เต็ม

5.เมื่อต้นกล้ามีอายุ 10 - 15 วันจึงแยกกล้ามาปลูกในกระถางที่เตรียมไว้ ประมาณ 4-5 กอต่อกระถาง

6.นำกระถางเพาะกล้าใส่ในฝากล่องโฟม แล้วจึงนำไปลอยน้ำ ในกรอบไม้ไผ่ที่เตรียมไว้

7.ใช้เชือกผูกกล่องโฟมกับแพไม้ไผ่ เพื่อป้องกันการพัดพาของน้ำ ไม่ให้ไหลไปที่อื่น

ด้านการดูแลและการใส่ปุ๋ย นายสุพรรณเน้นให้เกษตรกรที่ ทำแบบเกษตรอินทรีย์และอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพบำรุงข้าว ช่วงที่ข้าวมีอายุ 30และ 55 วัน หลังการปลูก ใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 1 กำมือ/กระถาง / ครั้ง หากมีแมลงศัตรูพืช ก็ใช้น้ำหมักสมุนไพรฉีดพ่น วิธีนี้เกษตรกรไม่ต้องเสียเวลาดูแลเรื่องน้ำเลย เพราะข้าวจะได้รับน้ำตลอดในช่วง ระยะเวลาการปลูก
--------------------------
ที่มา : manager online

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพกับ คม ชัด ลึก กุมภาพันธ์ 2555

มาแล้วค่ะ สำหรับหลักสูตรฝึกอาชีพเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับเดือนนี้มีหลักสูตรน่าสนใจหลายรายการทีเดียวค่ะ แล้วก็ตามเคย ค่าเรียนราคาถูกแต่มากด้วยคุณค่า เงินลงทุนของท่าน 1000 กว่าบาท อาจสร้างเงินแสนในอนาคตให้กับท่านผู้อ่านก็เป็นได้นะคะ หาอาชีพที่เหมาะกับเราแล้วลุยเลย!!!!

4 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูแผ่น (1,284 บาท/ท่าน)


อ.พิมพ์พรรณ กาเตื่อย
เปิดแล้ว หลักสูตร ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูเส้น โดย อ.พิมพ์พรรณ กาเตื่อย เจ้าของผลิตภัณฑ์ "หมูยิ้มหวาน" ผลิตภัณฑ์ OTOP ต.ไร่ขิง จ.นครปฐม จากเคยทำธุรกิจสปา แต่ตัดสินใจกลับมาขายหมูเส้นเพราะขายดีกว่า และมีออเดอร์จากลูกค้าไม่ขาดสาย และได้รับคำแนะนำจากคุณยรรยงค์ พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้เข้าร่วมกลุ่มผลิตภัณฑ์ OTOP เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีจุดเด่น คือ ข้าวเหนียวจะนิ่มและมีหอมสมุนไพร ส่วนสีของข้าวเหนียวจะเป็นสีตามสมุนไพรนั้นๆ ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม อยู่ได้ 2 วัน ไม่ต้องอุ่น แช่ตู้เย็นก็ไม่แข็ง ส่วนหมูเส้นก็กรอบ รสชาติกลมกล่อมไม่หวานมาก ปกติจะวางขายที่ รพ.ไร่ขิง จ.นครปฐมเท่านั้น พร้อมเผยเคล็ดลับความอร่อยระดับ OTOP เวลาอบรม 10:30 – 16:00 น. ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท เท่านั้น

4 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ส้มตำทอด ส้มตำปูม้า-ทะเล และไก่ยางสมุนไพร (1,284 บาท/ท่าน)

อ.กัญจน์อมล นวรัตน์
หลักสูตร ส้มตำทอด ส้มตำปูม้า-ทะเล และไก่ยางสมุนไพร โดย อ.กัญจน์อมล นวรัตน์ (คุณแคท) เจ้าของร้านครัวไก่ย่างสมุนไพร พหลโยธิน กม.25 ย่านถนนสายไหม ชูเมนูเด็ดไก่ย่างสมุนไพรโบราณ-ส้มตำปูม้า-ส้มตำทอด และส้มตำผลไม้รวม และอีกสารพัดส้มตำ หากใครสนใจ เธอยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาให้ ในโครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ อบรมเวลา 10:30 – 16:00 น. ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท เท่านั้น

5 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ไก่ทอดสมุนไพร เชียงคำ (1,284 บาท/ท่าน)

อ.อำไพ แซ่แต้
หลักสูตร ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ โดย คุณอำไพ แซ่แต้ จากการประสบความสำเร็จของร้านไก่ทอดเชียงคำ จ.พะเยา จึงเข้ามาเปิดตลาดในกรุงเทพฯ ในเดือนกันยายน พ.ศ.2552 ที่ตลาดถนอมมิตร ซ.วัชรพล ด้วยจุดเด่นของไก่ทอดที่หมักด้วยสมุนไพรสด และเครื่องปรุงที่ลงตัว ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นสมุนไพรที่หมักเข้าถึงเนื้อใน แป้งบางกรอล รสชาติกลมกล่อม กรอบนอก นุ่มใน และมีให้เลือกหลายเมนู ได้แก่ น่อง สะโพก อก ปีก หนัง เอ็นแก้ง โครง หรือข้อไก่ พร้อมกับน้ำจิ้มไก่สูตรเด็ด ทำให้ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอบ่างมาก คุณอำไพกล่าวว่า เพราะเข้าใจถึงความลำบากที่ตัวเองเคยเจอมา จึงอยากแบ่งปันให้เพื่อนร่วมอาชีพที่มีทุนน้อย ได้มีโอกาส มีทางเลือก และมีอาชีพติดตัวไปตลอดชีวิต

5 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ-ข้าวมันไก่ สูตรไหหลำ พร้อมน้ำซุปสาหร่าย (2,568 บาท/ท่าน)

อ.ศักดา มีลาภ
อ.ศักดา มีลาภ เจ้าของร้านเป็ดย่างลิตเติ้ลดั๊ก ครั้งนี้ อ.ศักดา มีลาภ ได้นำหลักสูตร 2 หลักสูตรยอดนิยม คือ หลักสูตร ข้าวมันไก่สูตรไหหลำ พร้อมน้ำซุปสาหร่าย ที่มีลูกศิษย์ลูกหามาเรียนแล้วนำหลักสูตรที่ได้เรียนไปเปิดร้านกันอย่างมากมาย เป็นสูตรที่ไม่เหมือนกับร้านที่เปิดขายทั่วไป เนื้อไก่นุ่มเข้ากันดีกับน้ำจิ้มรสเด็ดและน้ำซุปสาหร่ายรสอร่อย คล่องคอ กับหลักสูตรก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ ซึ่งมีจุดเด่น เนื้อไก่นุ่มหอมกรุ่นด้วยกลิ่นสมุนไพร น้ำซุปเข้มข้น เข้ากันด้วยดีกับรสชาติกลมกล่อมของมะระ

11 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร “ข้าวขาหมู แมนดาริน” (1,284 บาท/ท่าน)

คุณฐภาพิมพ์ เสาวลักษณ์สกุล (คุณนา)
หลักสูตร “ข้าวขาหมู แมนดาริน” โดยคุณฐภาพิมพ์ เสาวลักษณ์สกุล (คุณนา) เจ้าของร้านและเจ้าของสูตร ผู้ได้รับการถ่ายทอดสูตรดั้งเดิมของประเทศจีน จากคุณพ่อและคุณแม่ ด้วยใจรักการทำอาหาร จึงมาเปิดร้านของตนเองที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ชูเมนูเด่น ขาหมู แมนดาริน ซึ่งใช้สมุนไพรจีนในการตุ๋นกว่า 10 ชนิด และใช้วิธีชั่งตวงส่วนผสมทุกอย่าง จึงทำให้คุณภาพและรสชาติคงที่ นอกจากนี้ยังปลอดผงชูรสและสีผสมอาหารอีกด้วย สูตรเด็ดที่หาเรียนที่ไหนไม่ได้แบบนี้ ต้องไม่พลาด เวลาอบรม 10:30 – 16:00 น. ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท เท่านั้น

11 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี (1,284 บาท/ท่าน)

อ.สมบูรณ์ เลิศมณีสกุลชัย
หลักสูตร ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี โดย อ.สมบูรณ์ เลิศมณีสกุลชัย เจ้าของร้าน ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี สาขาตลิ่งชัน สืบทอดจากคุณพ่อที่เป็นคนจีนแต้จิ้ว และคุณแม่ที่มีเชื้อสายจีน และประสบการณ์จากการเป็นเชฟมาประยุกต์ใช้ ออกมาเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อ คือ ราดหน้ายอดผักสูตร 40 ปี ที่ทางร้านพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกเส้นต้องเป็นเส้นที่เหนียวนุ่ม โดยสั่งตรงมาจากย่านเยาวราช นำมาผัดกับน้ำมันจนเส้นหอมและหมูหมักสูตรของทางร้าน ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

12 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร น้ำสลัดแฟนซีเพื่อสุขภาพ (1,284 บาท/ท่าน)

คุณธนิดา พิธานธรากร
หลักสูตรน้ำสลัดแฟนซี เพื่อสุขภาพ ที่ได้วิทยากรใจดีอย่างคุณธนิดา พิธานธรากร ที่จะมาสอนขั้นตอนการทำน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ ตั้งแต่การเลือกซื้อวัตถุดิบ การเลือกซื้อผัก และวีธีทำน้ำสลัดตัวสำคัญอย่างครีมสลัด เพราะก่อนที่จะเป็นสลัดแฟนซีเราต้องได้ครีมสลัดที่เข้มข้นก่อนจะมาดัดแปลงเป็นน้ำสลัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น มะนาว แครอท งาดำ อัญชัญ สตรอเบอรี่ และรสต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ และพร้อมจะมาเผยแพร่ความรู้ให้กับคมชัดลึกฝึกอาชีพ

12 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร Choux Cream & clair (1,819 บาท/ท่าน)

คุณสุวารี หนุนภักดี (เดียร์)
หลักสูตร Choux Cream & clair
ค่าสมัคร 1,819 บาท เวลา 10.00-16.00 น.
โดย คุณสุวารี หนุนภักดี (เดียร์) เจ้าของ "Meetang & Mom Homemade Bakery"
รับจำนวนจำกัดเพียง 25 ท่าน เท่านั้น!

18 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวเรือโบราณ สูตรสมุนไพรไทยกว่า 10 ชนิด (ไม่ใส่ผงชูรส) (1,284 บาท/ท่าน)

อ.อรภา ธนาธีระสกุล
กลับมาแล้ว หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวเรือโบราณ สูตรสมุนไพรไทยกว่า 10 ชนิด (ไม่ใส่ผงชู) โดย อ.อรภา ธนาธีระสกุล เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณ ถ.หทัยราษฎร์ กล่าวว่านอกจากการใส่ใจในคุณภาพความอร่อยทุกชามตามที่ลูกค้าสั่ง รวมทั้งเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ต้องสะอาดแล้ว การที่เครื่องปรุงทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น พริกป่น น้ำส้ม ถั่วลิสง ฯลฯ ต้องลงมือปรุงเองทั้งหมด แถมทุกเมนูปลอดผงชูรส และมีส่วนประกอบของสมุนไพรไทยอีกกว่า 10 ชนิด ถือเป็นเคล็ดลับความอร่อยที่สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและดีต่อสุขภาพอีกด้วย นับว่าเป็นทางเลือกไม่เลวเลยที่เดียว เพราะลงทุนไม่มากแต่สามารถสร้างรายได้ใหม่ไม่น้อย พร้อมเผยเคล็ดลับสูตรเด็ด

19 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูแผ่น(รอบสอง) (1,284 บาท/ท่าน)

อ.พิมพ์พรรณ กาเตื่อย
กลับมาอีกแล้วกับ "หลักสูตรข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูแผ่น (หมูหวาน)"โดย อ.พิมพ์พรรณ กาเตื่อย เจ้าของผลิตภัณฑ์ "หมูยิ้มหวาน" ผลิตภัณฑ์ OTOP ต.ไร่ขิง จ.นครปฐม คราวนี้นำหมูแผ่น เหนียวนุ่ม มาพร้อมกับข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 วัน สำหรับท่านใดที่สนใจทำอาชีพที่ลงทุนไม่ต่ำ ทำง่าย ขายง่าย ห้ามพลาดสำหรับหลักสูตรนี้

19 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตร ข้าวหมกไก่แม่ทองดี สูตรน้ำจิ้มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ (1,284 บาท/ท่าน)

คุณกัณฐิกาสิญีย์ ศาสนภักดี
หลักสูตร ข้าวหมกไก่แม่ทองดี สูตรน้ำจิ้มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดย คุณกัณฐิกาสิญีย์ ศาสนภักดี เจ้าของร้าน "ข้าวหมกไก่-ข้างแกงแม่ทองดี" เยื้อง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์

25 กุมภาพันธ์ 2555

หลักสูตรเทคนิคการปลูกพืชไฮโดรโพนิกส์เพื่อธุรกิจกับยุทธศักดิ์ไฮโดรฟาร์ม (2,568 บาท/ท่าน)

คุณปทุมรัตน์ สอนพงศ์
หลักสูตร เทคนิคการปลูกพืชไฮโดรโพนิกส์เพื่อธุรกิจ กับยุทธศักดิ์ไฮโดรฟาร์ม โดย คุณปทุมรัตน์ สอนพงศ์ ครัวไฮโดร ยุทธศักดิ์ไฮโดรฟาร์ม ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก ค่าสมัคร 2,568 บาท

สนใจเพิ่มเติม คลิ๊กไปที่ หลักสูตรเถ้าแก่ใหม่ คม ชัด ลึก เลยค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

UFM Bakery House ครีมมี่ชาเย็น อร่อยจนต้องบอกต่อ

เรื่องมีอยู่ว่า ผู้เขียนไปเจอขนมปังอยู่เจ้าหนึ่ง อร่อยมากกกกกกกก อร่อยจริงๆค่ะ ขนาดว่าผู้เขียนไม่ค่อยชอบอาหารที่ทำให้อ้วนเท่าไหร่ มาเจอขนมปังเจ้านี้ ต้องขอยกให้เค้าเลยค่ะ ยังไม่พอนะคะ ซื้อไปฝากป้าที่หอพัก ป้ายังฝากซื้ออีกสิบห่อ เกริ่นมาเสียยืดยาว แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการหาเงินของเราล่ะ ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะคะ เกี่ยวอย่างที่สุดเลยค่ะ เพราะว่า มนุษย์เราเนี่ย ให้ยังไงก็ไม่พ้นเรื่องสรรหาของกินอร่อย ต่อให้มันแพงขนาดไหน ถ้าฉันพอใจ ฉันก็ยอมจะเสียล่ะน่า



















แม่ค้าที่เค้ารวย เค้าต้องสรรหาของที่เรียกว่า มีทีเด็ด มีดีมาขายล่ะค่ะ วันนี้ ผู้เขียนเลยอยากจะแนะนำขนมปังสอดใส้ครีมแสนอร่อย จุดเด่นของขนมปังที่ว่านี่ก็คือ ตัวขนมปังที่นุ่ม และน้ำครีมที่เข้มข้นหวานมันส์ ไม่เลี่ยน 1 แพ็คมีอยู่ 4 แถว มีให้เลือกหลายรส อาทิเช่น กาแฟ บลูเบอรรี่ สังขยา แต่ที่แม่ค้าบอกว่าขายดีที่สุด จะเป็นครีมมี่ใส้ชาเย็น ด้วยเผื่อว่าแม่ค้าคนไหนสนใจ อยากจะรับไปขายบ้าง ราคาของขนมปังที่ว่านี้ อยู่ที่ราคา 25 บาท ส่วนราคาที่รับมานั้น ผู้เขียนขอให้ติดต่อกับทางร้านเองเลยนะคะ ทางเบอร์โทร กรุงเทพ (02 2590620) เชียงใหม่ (053 232343) หาดใหญ่ (074 342505)

หรือถ้าอยากไปลองชิมถึงร้านละก็ แวะไปที่สยามสแคร์ซอย1 และหากเดินทางจากถนนพระราม 1 เข้ามาทางสยามสแควร์ ซอย 1 ร้านยูเอฟเอ็มเบเกอรี่เฮ้าส์ จะตั้งอยู่ด้านหน้าของโรงหนังสกาล่า บริเวณปากซอยสยามสแควร์ซอย 1 ค่ะ

วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2555

ฝึกอาชีพกับ คม ชัด ลึก มกราคม 2555

หลักสูตรเถ้าแก่ใหม่ของ คม ชัด ลึก น่าสนใจมากค่ะ ใช้เงินลงทุนไม่มากมายนักเหมาะกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันนักเชียว เพียงเงินลงทุนของท่านไม่ถึง 5000 บาท อาจจะทำให้ท่านมีเงินแสนในอนาคตก็เงินได้นะคะ

21 มกราคม 2555

หลักสูตร น้ำเต้าหู้-ปาท่องโก๋-ซาลาเปา สูตรไม่อมน้ำมัน(1,284 บาท/ท่าน)

กลับมาแล้วตามคำเรียกร้อง สำหรับหลักสูตร น้ำเต้าหู้ -ปาท่องโก๋-ซาลาเปา สูตรไม่อมน้ำมัน โดย อ.ธีรวีร์ ดอกสาคู เจ้าของร้านปาท่องโก๋สูตรไร้มัน ซ.ทหารอากาศ กม.27 (หลัง ร.พ.ภูมิพล) เปิดกิจการมากกว่า 30 ปี จุดเด่นอยู่ที่ปาท่องโก๋ จะไม่อมน้ำมัน ไม่เหมือนท้องตลาดจะมีน้ำมันเยิ้มออกมาหากวางทิ้งไว้ และจะมีตะกอนจาการเผาไหม้เล็กๆ เกาะติดตามตัวปาท่องโก๋ ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนและกลิ่นแอมโมเนีย ผู้เข้าฝึกอบรมจะได้ทราบเทคนิคการกรองน้ำมันอย่างเป็นขั้นตอน กำหนดสัดส่วนและน้ำมันกับปริมาณแป้งที่จะทอดในแต่ละวัน เทคนิคการตัดทำตัวปาท่องโก๋อย่างไรให้เร็ว และสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพได้ดเลย ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

21 มกราคม 2555

หลักสูตร ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูเส้น (เพิ่มรอบ)(1,284 บาท/ท่าน)

**เพิ่มรอบ** สำหรับหลักสูตร ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม-หมูเส้น โดย อ.พิมพ์พรรณ กาเตื่อย เจ้าของผลิตภัณฑ์ "หมูยิ้มหวาน" ผลิตภัณฑ์ OTOP ต.ไร่ขิง จ.นครปฐม จากเคยทำธุรกิจสปา แต่ตัดสินใจกลับมาขายหมูเส้นเพราะขายดีกว่า และมีออเดอร์จากลูกค้าไม่ขาดสาย เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีจุดเด่น คือ ข้าวเหนียวจะนิ่มและมีหอมสมุนไพร ส่วนสีของข้าวเหนียวจะเป็นสีตามสมุนไพรนั้นๆ ข้าวเหนียวสมุนไพรสูตรนิ่ม อยู่ได้ 2 วัน ไม่ต้องอุ่น แช่ตู้เย็นก็ไม่แข็ง ส่วนหมูเส้นก็กรอบ รสชาติกลมกล่อมไม่หวานมาก ปกติจะวางขายที่ รพ.ไร่ขิง จ.นครปฐมเท่านั้น พร้อมเผยเคล็ดลับความอร่อยระดับ OTOP ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

22 มกราคม 2555

หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ, หมูตุ๋น สูตรนายดำ (1,284 บาท/ท่าน)

หลักสูตร ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ, หมูตุ๋น สูตรนายดำ
โดย คุณจริยา อ่อนอุไร(นายดำ) เจ้าของร้าน ครัวนายดำร้านอาหารที่ขึ้นชื่อย่านถนนศรีนครินทร์ จุดเด่น อยู่ตรงที่น้ำซุป เน้นส่วนผสมด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด รวมถึงวิธีการตุ๋นเนื้อและหมูให้นุ่มลิ้น เพื่อใช้สำหรับการทำก๋วยเตี๋ยวที่ไม่เหมือนกับร้านอื่นๆ ผู้ที่สนใจ ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

22 มกราคม 2555

หลักสูตร ซาลาเปาแช่แข็งไส้ไก่ฮ่องเต้-พิซซ่า-ครีม และขนมจีบปู(1,819 บาท/ท่าน)

รุ่นที่ 2 โดยคุณสุภาณี ศรียะวงษ์ เจ้าของสูตรซาลาเปาหลากไส้ และติ่มซำรสเลิศ ที่ดัดแปลงสูตรจากอาจารย์ที่ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย แต่มีจุดเด่นตรงที่สามารถเก็บไว้ได้หลายวันในตู้เย็น และเมื่อต้องการทานก็อุ่นด้วยไมโครเวฟเท่านั้น เพราะเนื้อแป้งที่เนียนนุ่ม และรสชาติเข้มข้นของไส้ซาลาเปา ทำให้ป้าวรรณมียอดขายส่งมากกกว่า 500 ลูกต่อวัน ปัจจุบันซาลาเปาของป้าวรรณมีทั้งหมด 6 ไส้ ได้แก่ ไก่ฮ่องเต้-ไก่แดงพริกไทยดำ-ไก่เห็ดหอม-พิซซ่า-ไก่ผงกระหรี่-ถั่วดำ-ครีม นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดอีกหลายเมนู เช่น ขนมจีบไส้ปูและกุ้ง สาหร่ายห่อปูอัด และเกี๊ยวซ่าไส้ไก่และกุ้ง สำหรับโครงการคมชัดลึก ฝึกอาชีพ วิทยากรเผยสูตรเด็ดซาลาเปาไก่ฮ่องเต้-เห็ดหอม-ครีม และขนมจีบปูเพราะทำง่าย และขายได้กำไรดี ค่าสมัครเพียงท่านละ 1,819 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

28 มกราคม 2555

หลักสูตร เกาเหลาเลือดหมู(ผักจิงจูไฉ่)ก๋วยจั๊บน้ำข้น(สูตรเก่าเยาวราช)(1,284 บาท/ท่าน)

หลักสูตร เกาเหลาเลือดหมู(ผักจิงจูไฉ่) ก๋วยจั๊บน้ำข้น(สูตรเก่าเยาวราช
โดย อ.สมพล สืบสมาน เจ้าของร้านเกาเหลาเลือดหมูย่านสวนหลวง เผยว่าความพิเศษของเกาเหลาเลือดหมูของที่ร้าน อยู่ที่น้ำซุปใช้กระดูกหมูสดปริมาณมาก พริกไทยเม็ด และสมุนไพรจิงจูฮวยไฉ่หรือ จิงจู่ไฉ่ จากประเทศจีน มีคุณสมบัติบำรุงตับ ไต หัวใจ ปอด บำรุงประสาทและขับของเสีย และมีคุณสมบัติดับกลิ่นคาวของเครื่องใน ส่วนก๋วยจั๊บน้ำข้นเป็นสูตรของคุณย่าเจ้าเก่าจากเยาวราชคุณสมพลได้นำมาปรับปรุงจนได้รสชาติกลมกล่อม ผู้สนใจ ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

28 มกราคม 2555

หลักสูตร ราดหน้ายอดผัก รอนเอ็มไพร์ (1,284 บาท/ท่าน)

หลักสูตร ราดหน้ายอดผัก สูตรรอนเอ็มไพร์
โดย อ. มนต์ชัย พลบุบผา เจ้าของร้านราดหน้านายรอนเอ็มไพร์ ย่านสุขุมวิท 71 คลองตัน ปากซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ที่เปิดกิจการมากกว่า 20 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 เริ่มแรกเป็นสูตรเอ็มไพร์ แต่อ.มนต์ชัย นำมาปรับปรุงให้เป็นสูตรของตนเองทำให้มีรสชาติเข้มข้นขึ้น โดยจะพิถีพิถันในเรื่องของวัตถุดิบต้องเป็นของแท้และสะอาด ไม่ใช้สารเคมี หมักหมูให้นุ่มด้วยสัปปะรดแทนที่จะใช้ผงหมัก ทำให้ราดหน้ามีความแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ แป้งไม่คืนตัวแม้ว่าจะทิ้งไว้ไม่ทางทันที จึงยังคงรสชาติไว้ได้เหมือนเดิม และยังมีเคล็บลับมาทำหมี่กรอบให้กรอบนานไม่เหม็นหืนด้วย อ.มนต์ชัย ยังบอกอีกว่าตัวเองมีความตั้งใจที่จะเผ่ยแพร่หลักสูตรนี้ เพื่อให้คนมีอาชีพทำกิน และจะให้วิชาทั้งหมดไม่หวงไว้เพราะไม่อยากให้วิชานี้ ตายไปกับตน หากใครจะรักษาสูตรนี้ไว้หรือพัฒนาสูตรให้ดียิ่งขึ้นก็ยินดี ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

28 - 29 มกราคม 2555

หลักสูตรเทคนิคการเพาะเห็ดโคนญี่ปุ่นเชิงธุรกิจครบวงจร จ.ชัยภูมิ(3,745 บาท/ท่าน)

โครงการ คม ชัด ลึก ฝึกอาชีพ ได้เปิดหลักสูตร เทคนิคการเพาะเห็ดโคนญี่ปุ่นในเชิงธุรกิจครบวงจรอีกครั้ง โดยจะนำผู้สนใจไปฝึกอบรมแบบติวเข้มกันถึงสวนเห็ดจิรวุฒิที่ ต.บุ่งคล้า อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เนื้อหาการเรียนเรียนการสอนมีทั้งภาคทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติจริงอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ภาคทฤษฎี อาทิ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเห็ดโคนญี่ปุ่น การต่อเชื้อ การทำถุงก้อนเห็ด การนึ่งเชื้อเห็ด ตลอดจนขั้นตอนการทำอย่างละเอียด มีการฝึกทำถุงก้อนเห็ด การนึ่งเห็ดในเตานึ่ง เทคนิคการตรวจเชื้อเห็ดว่ามีความสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด สามารถนำมาเพาะเลี้ยงได้หรือไม่ ขั้นตอนการสร้างโรงบ่มก้อนเชื้อและเทคนิคการ สร้างโรงเรือนเปิดดอก เทคนิคคัดเลือกเห็ดให้ได้คุณภาพและเคล็ดลับการเก็บรักษาคุณภาพเห็ดเพื่อให้เก็บไว้ให้ได้นานที่สุด ก่อนนำออกสู่ตลาด ค่าสมัครเพียง 3,745 บาท เท่านั้น

29 มกราคม 2555

หลักสูตร เป็ดย่างหนังกรอบ-หมูแดง-หมูกรอบ (2,568 บาท/ท่าน)

โดย อ.ศักดา มีลาภ เจ้าของร้านเป็ดย่างลิตเติ้ลดั๊ก ครั้งนี้ได้นำ 3 หลักสูตรยอดนิยม เป็ดย่างหนังกรอบ -หมูแดง หมูกรอบ พร้อมเคล็ดลับวิธีย่างเป็ดให้กรอบร่อน หมูแดงนุ่มน่ากิน และหมูกรอบที่กรอบนอกนุ่มใน ค่าสมัครเพียง 2,568 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

29 มกราคม 2555

หลักสูตร น้ำสลัด ชาววัง (1,284 บาท/ท่าน)

น้ำสลัด ชาววัง (มายองเนส-ครีมมะนาว-แซนวิชสเปรด-เทาซันไอร์แลนด์-ซีซ่า-ครีมธัญพืช(ไม่ใส่ไข่)-น้ำสลัดเจ(เต้าหู้)-น้ำสลัดญี่ปุ่น-น้ำสลัดน้ำใส-น้ำสลัดส้มสด)
โดย อ.ขนิษฐา ชัยชาญกุล (ครูตุ๊ก) และ อ.อรุณี หังสวณิช ขนมไทยสูตรชาววัง เจ้าของแบรนด์ ครัวไทยผู้มีประสบการณ์การเป็นอาจารย์สอนอาหารยาวนานกว่า 20 ปี และกิจการขนมไทย เบเกอร์รี่ น้ำพริก น้ำสลัด คุ้กกี้ และรับจัดบุฟเฟ่ต์ ตามงานอีเว้นท์ต่างๆ มานานกว่า 5 ปี ครั้งนี้ ครูตุ๊ก เปิดฝึกอบรมหลักสูตร น้ำสลัด ชาววัง อาทิ มายองเนส-ครีมมะนาว-แซนวิชสเปรด-เทาซันไอร์แลนด์-ซีซ่า-ครีมธัญพืช(ไม่ใส่ไข่)-น้ำสลัดเจ(เต้าหู้)-น้ำสลัดญี่ปุ่น-น้ำสลัดน้ำใส-น้ำสลัดส้มสด เป็นต้น จะสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ การทำน้ำสลัด, การบรรจุสลัดในถุง กล่อง การจัดจาน การจัดหน้าร้าน, การเลือกซื้อวัตถุดิบ และแนะนำแหล่งซื้อ เป็นต้น หากใครสนใจเทคนิคการทำน้ำสลัด ชาววัง อาจารย์ยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาให้ทุกขั้นตอน ค่าสมัครเพียง 1,284 บาท (เวลาอบรม 10.00 – 16.00 น.)

สนใจเพิ่มเติม คลิ๊กไปที่ หลักสูตรเถ้าแก่ใหม่ คม ชัด ลึก เลยค่ะ

ที่มา : คม ชัด ลึก

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Justin Bieber, Gold Price in India