เมื่อ มีเวลาว่าง จึงหยิบจับเข็มถักโครเชต์ขึ้นมาสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์หลากหลายรายการ จนกระทั่งมาถึงผลิตภัณฑ์รองเท้าบู๊ต ที่คิดค้นรูปแบบขึ้นด้วยตัวเอง ความแปลกตา สวย ไม่ซ้ำ หลายคนเห็นต่างชื่นชม พร้อมแนะนำให้ผลิตจำหน่าย ก่อเกิดรายได้ ภายใต้ยี่ห้อ “Red Carpet Shoes”
ความคิดต่าง สามารถสร้างสิ่งใหม่ ก่อเกิดความภูมิใจต่อผู้ผลิต ซึ่งหากนำผลงานเข้าสู่กระบวนการทางการตลาด ย่อมส่งผลตอบแทนเป็นรายได้ อันนำมาสู่คุณภาพชีวิตที่ดี
ดังเช่นผู้ประกอบการหญิงจะกล่าวถึง เธอมีความคิดต่างไปจากผู้อื่น ซึ่งความคิดนี้ เกิดเพราะความชอบเครื่องแต่งกายประเภทรองเท้า แต่สินค้าซึ่งมีรูปแบบซ้ำ วางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปหาได้ถูกใจ เหตุนี้ จึงคิดผลิตรองเท้าเพื่อสวมใส่ด้วยตัวเอง
งานอดิเรกสร้างรายได้
บู๊ตถักมือ สวยไม่ซ้ำใคร
คุณรัญชนา พิมดี อายุ 48 ปี เจ้าของผลิตภัณฑ์รองเท้าบู๊ต ภายใต้ยี่ห้อ “Red Carpet Shoes” คือหญิงสาวซึ่ง เส้นทางเศรษฐี จะกล่าวถึง เธอเล่าให้ฟังถึงจุดเกิดอาชีพ นั้นสืบเนื่องจากเมื่อครั้งหยุดกิจการร้านถ่ายภาพซึ่งดำเนินมาราว 6 ปี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับกำลังตั้งครรภ์
เวลาว่างจึงหันมาหยิบจับงานอดิเรก ด้านเย็บปักถักร้อย โดยเฉพาะการถักโครเชต์ ซึ่งคุณรัญชนาสามารถถักร้อยเส้นไหมสร้างผลงานหลากหลายประเภท จวบจนคิดถึงรองเท้า หากนำวัสดุเช่นเดียวกันมาประดิษฐ์ ความโดดเด่นแปลกตาย่อมเกิดขึ้น และแน่นอนว่าไม่ซ้ำใคร เหตุนี้จึงนำไหมพรมถักทดแทนผืนหนังรองเท้า
คุณรัญชนาใช้เวลาคิดคำนวณรูปแบบ ตลอดจนทดลองลงมือผลิตเนิ่นนาน กว่าจะเป็นรูปร่างอย่างใจปรารถนา ด้วยเพราะเปิดตำราเล่มไหนๆ ไม่พบวิธีทำ อันจะนำมาเป็นตัวอย่าง
“ตอนแรกทำรองเท้าส้นเตี้ย เหมาะสวมใส่เวลาท้อง แต่พอคลอดลูก เริ่มทำรองเท้าส้นสูง และด้วยเป็นคนชอบใส่บู๊ตมาก แต่ปัญหาคือ ถ้าทำจากหนังจะร้อนอบเท้า หรือถ้าเก็บไว้นานแผ่นหนังหลุดลอก ซึ่งตอนแรกใช้ไหมพรม แต่มีข้อจำกัดหลายอย่าง จึงเปลี่ยนเป็นเส้นไนล่อนฟอกนิ่ม สามารถระบายอากาศได้ดี มีความยืดหยุ่น ซักน้ำได้ ไม่เสียรูปทรง”
หลังทำสวมใส่ไม่นาน ญาติพี่น้อง เพื่อนผู้รู้จัก ต่างทักด้วยความชื่นชม และขอให้ช่วยผลิตให้บ้าง พร้อมกันนั้นยังเสนอแนะเข้าสู่ระบบจัดจำหน่าย เพราะเชื่อว่าความแปลกตา คุณภาพสินค้า จะนำมาซึ่งรายได้
คุณรัญชนาเก็บคำแนะนำกลับมานั่งคิดทบทวน จึงเริ่มมองเห็นช่องทาง แต่ลำพังแรงงานผลิตเพียงคนเดียวมิอาจเพียงพอ จึงเริ่มจัดตั้งทีมงาน โดยมองหากลุ่มแม่บ้าน ซึ่งรับงานประดิษฐ์ด้านเย็บปักถักร้อยอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเข้าไปติดต่อเจรจาตกลงกติกาจัดจ้าง
“ขั้นตอนผลิตค่อนข้างพิถีพิถัน ต่อคู่ใช้เวลา 3-4 วันจึงแล้วเสร็จ จึงต้องหาทีมงานเข้ามาช่วย โดยกลุ่มผู้ผลิตมีสมาชิกรวมตัวกัน 10-15 คน ในพื้นที่ต่างจังหวัด เขารับทำงานถักโครเชต์อยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ผลิตภัณฑ์แตกต่างกันไป อาทิ กระเป๋า หมวก เสื้อ ส่วนรองเท้ายังไม่มีใครสั่งทำ เมื่อนำแบบไปให้ดู สอนกรรมวิธีคร่าวๆ เท่านี้สามารถเข้าใจได้ง่าย ส่วนค่าตอบแทนกำหนดให้เป็นรายชิ้น”
คุณรัญชนา ว่า น้ำหนักมือมีส่วนสำคัญต่อคุณภาพและความสวยงามของผลิตภัณฑ์ ฉะนั้น นอกจากผู้ผลิตมีฝีมือด้านงานถักโครเชต์ ยังต้องให้ความใส่ใจรายละเอียดของรองเท้าแต่ละข้างต้องสม่ำเสมอเหมือนกัน ดังนั้น รองเท้า 1 คู่ควรใช้ผู้ผลิตคนเดียวกัน
เลือกผู้ผลิตเป็นงาน
สองสไตล์ใส่ลูกเล่น
ผู้ประกอบการคนขยัน ยังกล่าวถึงเหตุผลด้านแรงงานผลิตเพิ่มเติมว่า “หากจะฝึกคนซึ่งไม่เคยจับเข็มมาก่อน ต้องใช้เวลานานมาก แต่กับผู้เป็นแล้ว สอนเขานิดหน่อย สามารถเข้าใจในทิศทางเดียวกัน จังหวะลงเข็มรวมถึงน้ำหนักมือสม่ำเสมอ ที่สำคัญ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปตรวจสอบสินค้า ทำเสร็จ ให้เขาส่งกลับมาได้เลย”
ถามถึงวัตถุดิบสำคัญ ได้แก่ เส้นด้ายไนล่อนฟอกนิ่ม โดยแหล่งจำหน่ายย่านสำเพ็ง กับราคาขายกิโลกรัมละ 500-600 บาท นอกจากนั้น ยังมีเส้นด้ายธรรมชาติ อย่าง ใยกันชง ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวนุ่ม ไม่อับชื้น สวมใส่สบายเท้า ส่วนเส้นฝ้าย โดดเด่นตรงความอุ่น นุ่ม เหมาะสวมใส่ในช่วงฤดูหนาว หรือผู้ซึ่งทำงานภายใต้อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ โดยวัตถุดิบทั้ง 2 ชนิดนี้ คุณรัญชนาสั่งซื้อจากผู้ผลิตทางแถบภาคเหนือ กับราคาขาย ถ้าเป็นเส้นฝ้ายตกกิโลกรัมละเกือบ 1,000 บาท สำหรับใยกันชงราคาพอๆ กับไนล่อนฟอกนิ่ม
คุณรัญชนา ว่า เส้นด้าย 1 กิโลกรัมสามารถผลิตรองเท้าได้ไม่ต่ำกว่า 1 คู่ ส่วนวัตถุดิบต่อมา ส้นพร้อมพื้นรองเท้า สินค้านำเข้าจากประเทศจีน แต่หาซื้อได้กับร้านตัวแทนจำหน่ายย่านวงเวียนใหญ่ “เรื่องของรูปแบบต้องเข้ากับลักษณะรองเท้า ความคงทนสำคัญมาก ส่วนความสูงกำหนดไว้ 2-2.5 นิ้ว เวลาเดินรู้สึกสบายไม่เมื่อยเท้า เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายหลักวัยทำงาน ที่คาดการณ์อายุไว้ 30 ปีขึ้นไป
ต่อมาในส่วนของอุปกรณ์ ได้แก่ เข็มถักโครเชต์ กาว อุปกรณ์ตกแต่ง อาทิ ลูกปัด ผ้าลูกไม้ ขนนก หาซื้อจากร้านจำหน่ายย่านสำเพ็ง พาหุรัด
คุณรัญชนา ว่า เบ็ดเสร็จเงินลงทุนก้อนแรกเกือบ 100,000 บาท โดยต้นทุนหลัก ได้แก่ ค่าแรงงานผลิต ซึ่งหากจะให้ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยดี ควรมีทุนหมุนเวียน ไว้รองรับในส่วนของค่าแรง และการจับจ่ายวัตถุดิบต่างๆ ซึ่งคุณรัญชนา ต้องจัดส่งไปให้กลุ่มผู้ผลิตครบถ้วน
“บู๊ตของ Red Carpet Shoes มีทั้งแบบหัวแหลม เหมาะกับผู้หญิงรูปเท้าเล็กเรียว สไตล์การแต่งตัวออกแนวเปรี้ยวเฉี่ยว ส่วนหัวตัดเหมาะกับผู้มีลักษณะปลายเท้ากว้าง โดยขนาดนั้นมีให้เลือกตั้งแต่ 35-40 นิ้ว แต่ขนาดเท้าคนไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก 37-38 นิ้ว
ในส่วนของอุปกรณ์ตกแต่ง เหมือนเป็นลูกเล่น สนุกกับการสวมใส่ เสริมความโดดเด่น อย่างถ้าต้องการไปงานปาร์ตี้กลางคืน เครื่องประดับประเภทคริสตัล ลูกปัด ขนนก เสริมความหรูหราได้ แต่หากในวันปกติ สามารถถอดออกเพื่อให้บู๊ตดูเรียบร้อยเข้ากับสถานการณ์”
ออกงานแสดงสินค้า
รายได้มา ลูกค้าเกิด
ถามถึงตลาดจัดจำหน่าย คุณรัญชนา ว่า ได้รับโอกาสอันดีจากหน่วยงานราชการหลายแห่งส่งเสริมสนับสนุนพาออกงานแสดง สินค้า โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เนื่องด้วย Red Carpet Shoes เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ OTOP ซึ่งออกงานแต่ละครั้งสามารถสร้างรายได้จากยอดขายปลีกราวหลักแสนบาท ส่วนผลกำไรประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
“เมื่อก่อนติดต่อขอเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า ค้าขายอยู่นานหลายเดือน สินค้าเริ่มเป็นที่รู้จัก แต่ปัจจุบันหันมาเน้นออกงานแสดงสินค้า โดยเฉลี่ยปีละ 2 ครั้ง นอกจากรับรายได้จากยอดขายปลีกในวันงานแล้ว สิ่งตามมาคือ ลูกค้าขาประจำ โทรศัพท์จับจองสินค้าต่อเนื่อง เกิดการบอกต่อ กับอีกวิธีหนึ่งคือ เปิดเว็บไซต์ ลูกค้าสะดวกสามารถคลิกจับจองได้ทันทีกับราคาขายคู่ละ 2,900 บาท และยินดีจัดส่งฟรี ทั่วพื้นที่ภายในประเทศไทย”
คุณรัญชนา กล่าวถึงโอกาสในการค้าขายรองเท้าบู๊ตถักโครเชต์ว่า สิ่งสำคัญคือความต่างของผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนใคร และเท่าที่สำรวจตลาดยังไม่พบสินค้ารูปแบบเดียวกัน อาจเพราะความละเอียดพิถีพิถันในขั้นตอนผลิต จนยากจะลอกเลียน แต่กระนั้นเพื่อความไม่ประมาท การจดลิขสิทธิ์รูปแบบ ถือเป็นวิธีป้องกันคู่แข่งขันได้อีกทางหนึ่ง
แม้ Red Carpet Shoes เป็นหนึ่งเดียวกับตลาดสินค้ารองเท้าบู๊ตดังกล่าวมา แต่กระนั้นหากให้ยอดขายขยับ มีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง การปรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นสิ่งไม่เคยมองข้าม อีกทั้งยังมองปัญหาพร้อมแก้ไข เพื่อให้ผู้สวมใส่เกิดความมั่นใจในยี่ห้อ
“เมื่อก่อนวางตำแหน่งเชือกร้อยรองเท้าไว้ด้านนอก พอถึงคราวจะผูก ต้องเอี้ยวตัว ไม่ถนัด จึงปรับตำแหน่งไว้ด้านในแทน พอใส่รองเท้าเสร็จ ไขว้ขาขึ้นมาลักษณะไขว่ห้าง เท่านี้สามารถผูกเชือกร้อยรองเท้าได้อย่างง่ายดาย ปัญหาอีกอย่างหนึ่งมันอยู่ตรงความสวยหรูหรา ลูกค้าไม่กล้าใส่ ตรงนี้ผู้ขายซึ่งก็คือตัวดิฉันเอง จะให้คำแนะนำ ลองหยิบยื่นให้สวมใส่ดูก่อน เพราะถ้าไม่ชอบความหวือหวา สามารถตัดอุปกรณ์ตกแต่งออกได้ เมื่อลูกค้าลองแล้ว เห็นว่าสบายเท้า ต่างยินดีควักกระเป๋าเพื่อจับจอง โดยโทนสีขายดี ได้แก่ ดำ น้ำตาล และเทา”
ถามถึงอนาคตกับผลิตภัณฑ์ภายใต้ยี่ห้อ Red Carpet Shoes เจ้าของผู้ผลิตจำหน่าย ว่า หากโอกาสและสถานที่อำนวย คาดว่าจะเปิดหน้าร้าน กับรูปแบบการขายมิใช่แค่ค้าปลีก โดยกลุ่มเป้าหมายหวังขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แต่ทั้งนี้ คงต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของกำลังคน และทุนทรัพย์
สำหรับผู้ชื่นชอบแต่งกายทันสมัย Red Carpet Shoes เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเครื่องแต่งกายประเภทรองเท้า ติดต่อได้ที่ 49/316 สุขุมวิท 103 บางนา กรุงเทพฯ โทรศัพท์ (02) 747-7649, (086) 980-1384 หรือคลิก www.redcarpetshoes.net
ที่มา : thaismefranchise
0 comments:
แสดงความคิดเห็น