วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เสริมทักษะเด็ก ผ่านการทำอาหาร กับธุรกิจ “a little something”

บางครั้งการไปเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศ ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการดำเนินธุรกิจได้เหมือนกัน เฉกเช่น 2 หนุ่มสาวที่ได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ที่คิดเพียงแค่การไปเที่ยวงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับซูเปอร์มาร์เก็ต จนกระทั่งได้ไปเจอกับอุปกรณ์ทำครัวสำหรับเด็ก ที่ทุกอย่างออกแบบมาให้มีขนาดเหมาะสมเพื่อเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งเพียงเห็นเป็นครั้งแรกก็หลงรัก ไอเดียบรรเจิดคิดไปไกลถึงขั้นการเปิดสถาบันสอนทำอาหารสำหรับเด็ก ที่สุดท้ายความฝันนั้นก็เป็นจริงสู่ “a little something” หรือ สถาบันสร้างเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำอาหาร


‘มาสนุกและเรียนรู้ผ่านการทำอาหารกันเถอะ’ สโลแกนง่ายๆ แต่ให้ความหมายที่ชัดเจนและลงตัว ของ 2 หนุ่มสาว ที่มีความฝันเดียวกันคือการเป็นเจ้าของธุรกิจ อาศัยความรู้ความชำนาญที่แตกต่างกันมาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเด็กหนุ่มที่ หลงใหลในการออกแบบ “บิน จรรยาภัค” ส่วนอีกหนึ่งสาวคือ “วรางคณา กาญจนชูศักดิ์” ที่มีความรู้ทางด้านการบริหารธุรกิจ แม้จะทำอาหารไม่เป็น แต่ก็ยังเลือกทำธุรกิจด้านนี้ หลังจากมองเห็นช่องว่างทางการตลาดในประเทศไทยที่ยังไม่มีใครคิดทำธุรกิจ ประเภทนี้อย่างจริงจัง แต่สำหรับในต่างประเทศผู้ปกครองต่างให้ความสำคัญกับการให้ลูกฝึกทักษะจากการ ทำอาหาร

ซึ่งสถาบันสร้างเสริมพัฒนาการเด็กผ่านการทำอาหาร เริ่มต้นจากความบังเอิญเมื่อครั้งไปดูงานแฟร์ที่ประเทศญี่ปุ่น ประเภทสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและของขวัญ โดยไปสะดุดตากับอุปกรณ์ทำครัวสำหรับเด็ก ซึ่งความคิดแรกเพียงต้องการเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเท่านั้น แต่เมื่อได้ศึกษาตลาดอย่างถ่องแท้แล้ว ก็พบว่าธุรกิจนี้น่าช่วยให้เด็กไทยได้ฝึกทักษะ ด้านการทำครัว เพราะไม่เพียงแต่เด็กจะได้รับความเพลิดเพลินแล้ว แต่ยังได้ใช้จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการฝึกคำนวณจากการชั่งตวงวัตถุดิบ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เด็กๆ จะใช้ฝึกทักษะด้านภาษาอังกฤษ เนื่องจากหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นภาคภาษาอังกฤษ ที่แม้เด็กที่ไม่ได้มีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษมากนัก ก็สามารถเรียนได้


“เป็นความตั้งใจแต่แรกที่เราคิดจะสอน เป็นภาษาอังกฤษ เพราะเชื่อว่าเด็กจะได้เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษไปในตัว โดยไม่ต้องอาศัยการท่องจำ ในขณะที่เด็กได้ลงมือทำอาหารเอง สิ่งที่ไม่ชอบรับประทานก็จะทานเองโดยไม่ต้องให้ผู้ปกครองบังคับ เช่น ผัก ผลไม้ ที่เด็กบางคนไม่เคยรับประทาน โดยเมื่อทำเสร็จก็นำไปอวดให้ผู้ปกครองได้รับประทานกันในครอบครัว”

ส่วนบรรยากาศและสภาพแวดล้อมของสถาบันฯ ถูกออกแบบให้เด็กๆ รู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน ทำให้เด็กไม่เกิดความกลัวเมื่อยู่ในสถานที่ใหม่ๆ ในขณะที่ห้องครัวจำนวนทั้ง 2 ห้องประกอบด้วยชุดครัวคุณภาพสูง ซึ่งครัวห้อง b ถูกออกแบบสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี และห้องครัว a สำหรับเด็กอายุ 7-12 ปี และผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีห้องนั่งเล่น และรับประทานอาหารสำหรับเด็ก และผู้ปกครองเพื่อนั่งพักผ่อน และรับประทานด้วยกัน ส่วนครูผู้สอนมีทั้งหมด 6 คน โดยสัดส่วนอยู่ที่ ครู 1 คน/เด็ก 4 คน

“ความโด่ดเด่นของสถาบันฯ ซึ่งนอกจากจะเน้นไปที่การเพิ่มทักษะให้เด็กแล้ว ชุดอุปกรณ์ก็ออกแบบมาโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน จากบริษัท ซันคราฟต์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์ทำครัวจากประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 1948 ภายใต้การควบคุมการผลิตและออกแบบโดย นายคาวาชิมา ซากาโมโตะ ฮิโรโกะ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น”

แม้จะเปิดมาเพียงไม่กี่เดือน แต่กระแสการตอบรับก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากเด็ก และผู้ปกครอง ที่มีการลงเรียนคอร์สต่อไปทั้งอาหารคาวและหวาน ที่ส่วนใหญ่เมนูยอดนิยมของเด็กอายุระหว่าง 3-5 ปี คือ “Let’s make Pasta : Spaghetti” ที่เด็กๆ จะเริ่มจากการทำเส้นพาสต้า ที่ผ่านการรีดออกมาเป็นเส้นเล็กกลมและยาว และเมนู “Little Picasso: Bread Canvas” เป็นการทำขนมปังปั้นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อนำมาใช้เป็นผ้าใบวาดรูป ส่วนเด็กอายุระหว่าง 6-12 ปี เมนูยอดนิยมคือ “Let’s make some Special Pasta” ซึ่งเป็นการทำเส้นพาสต้าโดยใช้วัตถุดิบต่างๆ ทำให้เกิดสีและรสชาติพิเศษ และนำมาทำเป็นรูปทรงต่างๆ

ส่วนแผนธุรกิจในในอนาคต 2 หนุ่มสาวตั้งใจที่จะทำให้สาขานี้มั่นคงที่สุดก่อน แล้วจึงมองหาทำเลที่เหมาะสมต่อไปอาจจะเป็นห้างสรรพสินค้า ซึ่งที่ผ่านมามีหลายคนที่สนใจต้องการจะขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ในขณะที่แผนการประชาสัมพันธ์จะเน้นไปที่โรงเรียนนานาชาติ โดยเข้าไปสอนเป็นคอร์สให้กับโรงเรียนที่สนใจ เป็นต้น

***สนใจติดต่อ 0-2762-7899 หรือที่ www.a-littlesomething.com***

ที่มา : ผู้จัดการ

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Justin Bieber, Gold Price in India