วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การตลาดออนไลน์

วิกฤตน้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆ เกือบครึ่งประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบไปในทุกระดับตั้งแต่ชาวบ้านไปจนถึงเจ้าของธุรกิจใหญ่ระดับพันล้านบาท ทำให้นักการตลาดหลายคนเริ่มวิเคราะห์กันแล้วว่า หลังจากผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้แล้ว เราทุกคนจะเริ่มต้นตรงไหนต่อไป?

สำหรับในมุมของผู้ประกอบการแล้ว การจะย่างก้าวต่อไปควรจะไปในทิศทางใดเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะสิ่งที่มีอยู่ในมือคงเป็นเรื่องที่จำกัดและต้องการการบริหารที่ดี ถึงแม้ผู้ประกอบการบางรายอาจจะไม่ได้รับผลกระทบในทางตรงมากนัก แต่ในทางอ้อมแล้วอาจจะเกิดผลกระทบในฝั่งของคู่ค้าอาจจะเป็นได้

แนวทางหนึ่งที่น่าสนใจและกำลังเป็นกระแสของโลกในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อจำกัดน้อยและมีข้อดีมากมายหลายประการสำหรับการค้าในปัจจุบันนี้ก็คือ การทำตลาดแบบออนไลน์ ดังจะเห็นได้จากประสิทธิภาพของโลกออนไลน์ในช่วงวิกฤตน้ำท่วมว่า ถึงแม้การเดินทางจะเป็นไปอย่างลำบาก การพบปะพูดคุยแบบนั่งโต๊ะเจรจาจะทำไม่ได้ แต่การสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์สามารถทำได้ในทุกๆ วินาที ทำให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เปิดรอรับสำหรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

มาเปลี่ยนวิกฤตน้ำท่วม ให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการเริ่มทำตลาดออนไลน์กันดีกว่า?

ในช่วงเริ่มต้น การตลาดแบบออนไลน์อาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่ รวมถึงผู้ประกอบการที่กำลังดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว แต่การศึกษาหาข้อมูล และการทำความเข้าใจในวิธีการทำตลาดออนไลน์ที่ดี จะสามารถนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพิ่มเติมความเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ธุรกิจออนไลน์ของผู้ประกอบการในแต่ละราย สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือเชิงพาณิชย์นั้น สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ด้วยงบประมาณที่น้อยมากหรือประหยัดที่สุด ทั้งในเรื่องของจุดจำหน่ายสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าร้าน หรือมีพนักงานขาย ด้วยซ้ำ เพียงแค่มีหน้าร้านเว็บไซต์ หรือสร้างเว็บไซต์ให้กับตัวเอง คุณก็สามารถมีหน้าร้านที่เป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อได้ทั่วโลก พร้อมเปิดจำหน่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใน 7 วัน บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีผู้ใช้ทั่วโลกหลายร้อยล้านคน

สำหรับขั้นตอนการทำธุรกิจออนไลน์มีขั้นตอนง่ายๆ แต่สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องเริ่มทำคือ การที่มีรูปภาพของสินค้าที่สามารถบอกรายละเอียด และสัดส่วนได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ให้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ B2B หลายๆ แห่งเพื่อสร้างเครดิตให้กับสินค้าและธุรกิจ โดยปัจจุบันเว็บไซต์ประเภทนี้มีมากกว่า 18,000 เว็บไซต์ ซึ่งผู้ประกอบการอาจเริ่มสมัครจากเว็บไซต์ในกลุ่มประเทศที่ต้องการจำหน่ายสินค้า หรือจากเว็บไซต์ของประเทศตนเองที่คู่ค้าให้ความเชื่อถือเมื่อต้องการสินค้าจากประเทศนั้นๆ เช่น ประเทศจีนมี Alibaba.com ฮ่องกงมี HKTDC.com เกาหลีมีเว็บไซต์ TradeKorea.com ในญี่ปุ่นมี Rakuten.com by Jetro ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เน้นทำธุรกิจ business matching ซาอุดีอาระเบีย มีเว็บไซต์ tradekey.com และสำหรับประเทศไทยก็มีเว็บไซต์ Thaitrade.com เป็นต้น และที่สำคัญคือ การจัดทำเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งการลงทุนต่ำสุดประมาณ 6,000 บาท ทั้งนี้ เพราะเว็บไซต์เป็นเสมือนกับหน้าร้านที่สามารถบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของบริษัท รวมทั้งรายละเอียดของสินค้าได้มากกว่าเว็บไซต์ B2B ที่เป็นสมาชิก ซึ่งมีสมาชิกมากมายอยู่ในนั้น การจัดทำเว็บไซต์จึงเป็นการรองรับการทำธุรกิจอย่างแท้จริง

สิ่งสำคัญอีกประการสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์คือ สินค้าต้องมีจุดเด่นและความแตกต่าง เพราะเว็บไซต์เป็นเหมือนถนนที่คนต้องเดินผ่าน หากสินค้าไม่สะดุด คนก็ไม่หยุดดู ดังนั้น สินค้าต้องมีจุดเด่น และแตกต่าง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จได้

ด้วยความสำคัญและเป็นรูปแบบการตลาดที่ยังเปิดกว้างไร้ขอบเขตให้กับผู้ประกอบการทุกราย รวมถึงสามารถเริ่มได้ในทันที แม้สภาพเมืองไทยจะกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตน้ำท่วมขณะนี้ เพียงแค่คลิกเข้ามาที่ www.thaitrade.com กรอกแบบฟอร์มสมัคร พร้อมรายละเอียดของธุรกิจให้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้มีประสบการณ์ด้านการส่งออกอยู่แล้ว โอกาสความก้าวหน้าทางธุรกิจพร้อมกับการเป็นเจ้าของร้านค้าออนไลน์บนเว็บไซต์ thaitrade.com ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าไทยให้สามารถกระจายไปทั่วโลก การันตีได้ด้วยความสำเร็จของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่บริหารจัดการ ภายใต้ชื่อโครงการตลาดกลางซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ B2B E-Marketplace อย่างเป็นทางการของประเทศไทย

Thaitrade.com เป็นตลาดกลางการซื้อขายสินค้าไทยแบบ B2B (หรือ B2B E-Marketplace) อย่างเป็นทางการของประเทศไทย จัดทำโดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเป็นช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกไทย เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญของการค้าบนโลกออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันการดำเนินธุรกิจทั่วโลก หันมาใช้อีคอมเมิร์ซเป็นส่วนใหญ่ และมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามจำนวนของผู้ที่เข้าใช้อินเตอร์เน็ตที่เพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพผู้ส่งออกไทยให้ก้าวสู่โลกการค้าในตลาดออนไลน์แบบ B2B ให้ประสบผลสำเร็จ ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าการค้าแบบออฟไลน์

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครเข้าใช้บริการเว็บไซต์ได้ฟรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ DEP Call Center (02) 685-1169 , อีเมล์ ecommerce@depthai.goth , ecommerce.dep@gmail.com หรือที่www.facebook.com/ThaitradeDotCom ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

0 comments:

แสดงความคิดเห็น

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Justin Bieber, Gold Price in India